เชื่อว่าตอนนี้คนไทยหลาย ๆ คนน่าจะประสบปัญหาจากวิกฤติไวรัสโควิด-19 แล้วก็ส่งผลกระทบลามมาถึงเรื่องเศรษฐกิจ และการเงินในครอบครัวกันด้วย เพราะฉะนั้นวันนี้อยากจะนำเรื่องราวในอดีตของตัวผมเอง (โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์) มาแบ่งปันพูดคุย เผื่อจะทำให้หลาย ๆ คนได้เป็นแนวคิดในการจัดการกับปัญหา

ผมเป็นหนึ่งในผู้ประสบภัยในวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 ช่วงนั้นเรียนจบมาพอดี และที่บ้านล้มละลาย เป็นหนี้ร่วม 20 ล้าน ตอนนั้นใช้เวลาอยู่นานกว่าจะต่อสู้ตั้งหลักและพ้นจากวิกฤติขึ้นมาได้ ซึ่งผมเชื่อว่าสถานการณ์ในตอนนี้น่าจะมีความคล้ายกันพอสมควร หรืออาจจะหนักกว่าด้วยซ้ำ ช่วงเวลาที่ต้องต่อสู้กับไวรัสระบาดนี้ อยากให้ทุกคนตั้งสติ แล้วใช้เวลาในช่วงนี้ สร้างประโยชน์ให้กับตัวเองมากที่สุด 

หลักคิดมองเห็นโอกาสในวิกฤติ

1. ใช้ชีวิตอย่างมีความหวังเสมอ การทำให้ตัวเองมีความหวังอยู่เสมอ คิดและมองในแง่บวกว่าวันหนึ่งจะมีเรื่องดี ๆ ผ่านเข้ามา ความรู้สึกเล็ก ๆ เหล่านี้ จะช่วยหล่อเลี้ยงให้เราสู้ต่อ อดทนได้เพิ่มอีกหน่อย และอาจนานพอทำให้เราเจอช่วงเวลาดี ๆ ผ่านเข้ามาได้ ต้องมีความหวังเสมอ ต้องเชื่อเสมอว่าอะไร ๆ จะดีขึ้น ไม่อย่างนั้นมุมมองของเราก็จะไม่เปิด 

2. มองหาโอกาส คนที่มีความหวังอยู่เสมอก็จะคอยมองหาโอกาส คนที่พยายามมองหา ยังไงก็จะได้เห็นโอกาสเข้าสักวัน คำว่ามองหาถึงมองเห็น หมายความว่า เราจัดการกับเวลาแบบไหน เราจัดการเวลากับการเสริมทักษะให้ตัวเอง อันนี้เรียกว่ามองหาช่องทาง มองหาโอกาสใหม่ ๆ หยิบโอกาสนี้มาพลิกดู ใช่หรือไม่ใช่ ค้นไปเรื่อย ๆ อย่าให้เวลาไปอยู่กับความทุกข์ หรือดราม่ามากเกินไป เพราะบางครั้งวิกฤติแบบนี้ เราอาจไม่ใช่กำลังหลักในการแก้ไขให้วิกฤติมันผ่าน แต่หน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ของเราคือ ตัวเราและครอบครัว ทำยังไงให้เราผ่าน ทำยังไงให้ครอบครัวเรารอด ลองจัดเวลาใหม่ ทำอะไรก็ได้ที่เป็นการเคลื่อนไปข้างหน้า อย่าเสียเวลาอยู่กับที่ หรือจมกับความทุกข์

3. ลองทำ อย่าค้นหาโอกาสอย่างเดียว แต่ให้ลองทำด้วย เริ่มให้ง่าย คือเริ่มเท่าที่ทำได้ ฝันใหญ่ ๆ อาจพักไว้ก่อน แต่จุดเริ่มต้นที่ทำได้ ให้ทำไปเลย ต้องเริ่ม ต้องทำ ต้องเรียนรู้ ต้องพัฒนาต่อเนื่องไปภายใต้วิธีคิดสำคัญ คือ เมื่อเป็นการลอง จงทำใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น อย่าหวังผลเลิศว่าการลองครั้งนี้จะถูกต้อง100% และพลิกชีวิต เพราะคำว่าลองในภาษาไทย ออกเสียงตรงกับคำว่า wrong ในภาษาอังกฤษ ที่แปลว่าผิด เมื่อไหร่ที่คุณลอง คุณมีโอกาสที่จะผิดพลาดเสมอ แต่ไม่เป็นไร บอกตัวเองไว้ว่า เตรียมใจรับกับความผิดพลาด ความล้มเหลวเล็ก ๆ แล้วก็เดินต่อ เปลี่ยนวิธีทำไปเรื่อย ๆ

4. ลองให้เต็มที่ ลองให้สุดตัว เมื่อไหร่ก็ตามที่พยายามทำแล้วเจอช่องทาง ก็พยายามผลักประตูแห่งโอกาสไปให้ลึกขึ้นเรื่อย ๆ ลึกแล้วก็จริงจังกับมันมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อคุณกล้าลองทำ คุณผลักประตูแห่งโอกาส เดี๋ยวประตูแห่งโอกาสบานใหม่จะโผล่เข้ามาในชีวิตเรื่อย ๆ เพราะโอกาสมากับเรื่องใหม่ ๆ ในชีวิต โอกาสมากับผู้คน เพราะฉะนั้นถ้าคุณได้พูดคุยสื่อสารกับผู้คน ได้ติดต่อซื้อขาย ได้ทำอะไรต่าง ๆ เดี๋ยวก็จะมีโอกาสใหม่ ๆ เข้ามา

ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน ลองนำหลักคิดนี้ไปใช้ ไปสื่อสารกันในครอบครัว ช่วยกันเสริมแรง เสริมพลัง เสริมกำลังใจ ถ้าทุกคนในครอบครัวช่วยกัน พยายามมองหาโอกาสในวิกฤติ พยายามคิดที่จะทำชีวิตไปข้างหน้าภายใต้โจทย์สำคัญโจทย์หนึ่งคือ เราจะมีชีวิตที่ดี ลองบอกตัวเอง บอกคนในครอบครัวว่าสู้กันหน่อย พยายามกันอีกนิด อดทนกันอีกหน่อย ทั้งหมดก็เพื่อวันหนึ่งเราจะมีชีวิตที่ดี

ผมเชื่อว่าวิกฤติผ่านมาแล้วเดี๋ยวก็จะผ่านไป ขอให้มีสติในการใช้ชีวิต แล้วคุณก็จะเป็นคนหนึ่งที่ผ่านวิกฤติแบบชีวิตดีขึ้น

ผู้ดำเนินรายการ:  จักรพงษ์ เมษพันธุ์

บรรณาธิการ:  นันทิญา จิตตโสภาวดี

กองบรรณาธิการ: นมิดา แพ่งสภา, ปัณณธร ใสแสง, รุจา สุขพัฒน์, นีรชา คัมภิรานนท์, สุสมา สุขพัฒน์

ศิลปกรรม:  ฐานิสร์  ริ้วสุวรรณ, เอกชัย เธียรสรรชัย
นักออกแบบเสียง:  ธัญธนวรัท  ชนกชัด

ฝ่ายผลิต: ชลธิศ กรดี

ที่ปรึกษา:  วันชัย  บุญประชา, ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

สนับสนุนโดย  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)