ส่งต่อรักแบบแม่ EP.02 คุณแม่บุ๋ม (ปนัดดา วงศ์ผู้ดี)

16 กันยายน 2020 98 ครั้ง

ส่งต่อรักแบบแม่ EP.02 คุณแม่บุ๋ม (ปนัดดา วงศ์ผู้ดี)

“ความรักของเขาทำให้บุ๋มมีพลังในการทำอะไรยิ่งใหญ่มาก เด็กคนนี้เขาเป็นแหล่งพลังงานที่ทำให้เกิดโปรเจกต์ระดับชาติหลายครั้ง” ไม่ว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงกฎหมายข่มขืน ปี 2557 และล่าสุดคุณบุ๋มได้ยื่นหนังสือกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในเรื่องของความเท่าเทียมกัน เพื่อให้พ่อและแม่เลี้ยงเดี่ยวได้รับสิทธิในการดูแลลูกอย่างเต็มที่ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะพลังความรักที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ "แม่เลี้ยงเดี่ยว" คนหนึ่งลุกขึ้นสู้และกล้าจะเผชิญกับปัญหาที่ยากลำบาก ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน ส่งต่อรักแบบแม่ EP.02 แม่บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี

 

คุณแม่บุ๋ม: ความรักของเขามันทำให้บุ๋มมีพลังในการทำอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก เด็กคนนี้เขาเป็นแหล่งพลังที่ทำให้เกิดโปรเจกต์ระดับชาติหลายครั้ง

 

Host: ยังไงบ้างเล่าให้ฟังหน่อยค่ะ

 

คุณแม่บุ๋ม: โปรเจกต์แรก คือตอนที่เป็นข่าวน้องแก้มบนรถไฟที่โดนข่มขืนแล้วฆ่า บุ๋มหันกลับมามองเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุ 9 ขวบ ชื่ออันดามัน มองเขาแล้วคิดว่า บุ๋มจะปกป้องเด็กคนนี้อย่างไร นั่นคือจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงกฎหมายข่มขืนปี 2557 ที่มีการล่ารายชื่อ 130,000 รายชื่อเพื่อเปลี่ยนแปลงกฏหมายตรงนั้น 

 

เพราะวันนั้นกฏหมายข่มขืนมาตรา 276 ถ้าข่มขืนโทษจำคุกอยู่แค่ 4-20 ปี โทษปรับ 8,000-40,000 บาทเท่านั้น ข่มขืนเนี่ยนะปรับ 8,000 บาทหรือ สารภาพแล้วลดโทษกึ่งหนึ่งหรือ เป็นเยาวชนลดอีกนะ จำคุก 4 ปี ออกมาแล้ว เลยมานั่งคิดว่าแล้วฉันจะทำยังไง 

 

คิดแบบง่าย ๆ ของแม่คนหนึ่ง ที่สองมือแม่จะทำได้ คือฉันต้องทำกฎหมายให้เข้มแข็งขึ้น ลูกสาวฉันต้องโตในสังคมนี้ เขาต้องรอด คิดง่าย ๆ แค่นี้เลย เริ่มมีการล่ารายชื่อเพราะการนั่งด่าในโลกโซเชียลมันไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงในสังคม วันนั้นการล่ารายชื่อขอถึง 1 แสน แต่จริง ๆ แล้ว 25,000 รายชื่อก็สามารถขอเปลี่ยนได้ แต่ทำไมบุ๋มถึงขอ 1 แสนรายชื่อ เพราะต่อให้กฎหมายถึงแรงแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าประชาชนและสังคมไม่ให้ความร่วมมือมันก็จบ บุ๋มก็เลยต้องการกระแสสังคมในการกดดันด้วย เพราะกฎหมายข้อนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมา 33 ปี 

 

แล้วบุ๋มถามว่า 30 กว่าปีก๋วยเตี๋ยวชามนึง 3.5 บาทเองนะ ตอนนี้มัน 50 บาทแล้วนะ เปลี่ยนให้หน่อยเถอะ ก็เลยทำจนสำเร็จ อันดาเขาก็มานั่งช่วยแกะซองจดหมายเอกสารนะ เด็ก 9 ขวบมานั่งเรียบเรียงรวบรวม แล้วก็มีพลังของผู้หญิงผู้ชายมานั่งพิมพ์รายชื่อกันที่บ้านบุ๋มทั้งวันทั้งคืน เดือนนึงเต็ม ๆ จนเรารวบรวมรายชื่อได้ 130,000 รายชื่อ 

 

จนปี 2558 กฎหมายออกมาใหม่โทษจำคุกยังคงเป็น 4-20 ปีเหมือนเดิม แต่ปรับเปลี่ยนเป็น 80,000-400,000 บาท แล้วก็ยกเลิกการยกเว้นอายุ 13 ปี ที่อาจทำให้เข้าใจผิดอาจเป็นข้ออ้างได้ออกไป ก็เลยกลายเป็นว่านั่นคือบ่อพลังของบุ๋มครั้งแรก 

 

ทีนี้ก็ยังมามองในข้อกฏหมายข้อนั้นอีกว่า ทำไมมันยังอยู่แค่ 4-20 ปี เปลี่ยนไม่ได้จริง ๆ หรือ ก็มีนักกฎหมายคนหนึ่งมาบอกบุ๋มว่า มันเป็นกฎหมายสากล บุ๋มบินไปเจนีวาเลย ไปคุยกับทาง UN เลยนะ นักกฎหมายระดับโลกเลย บินไปเอง เข้าประชุมเอง 8 การประชุม ถามว่ากฎหมาย 4-20 ปี มันจริงไหม เขาบอกว่ามันเป็นกฏหมายของแต่ละประเทศ จะระบุเท่าไหร่ อาจจะดูหลักสากลแต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาวการณ์ของแต่ละประเทศ 

 

4 วันผ่านไปสำหรับการประชุม วันสุดท้ายโทร.หาลูก อันดา...แม่จะกลับสวิตฯ แล้วนะ จะเอาอะไรไหมลูก ลูกถาม อ้าว! แล้วแม่อยู่ไหนอะ (หัวเราะ) แม่อยู่เจนีวา 3 วันจะ 4 วันแล้วลูก (หัวเราะ) นางคงไม่มีปัญหาอะไร น่าชื่นใจเนอะทำเพื่อนางแทบตาย

 

กลับมาเราก็เลยไฟท์ต่อ ด้วยการที่มีการเปลี่ยงแปลง ยกเลิกการอภัยโทษ หลังจากนั้น 4-20 ปีเราก็ไม่มีการอภัยโทษ เราก็ไม่ไปเพิ่มโทษเขา ศาลตัดสินเท่าไหร่ก็เป็นเท่านั้น แต่ใน 4- 20 ปีนั้นจะไม่มีการอภัยโทษสำหรับนักโทษข่มขืน 5 ประเภท ได้แก่ ข่มขืนแล้วฆ่า ข่มขืนโดยใช้อาวุธร้ายแรงใช้มีดใช้ปืน ข่มขืนเยาวชน ข่มขืนคนในสันดาน และข่มขืนซ้ำ นี่คือสิ่งที่เราทำในปีถัดมาและสำเร็จแล้ว 

 

บุ๋มก็โดนเรียกไปงานสัมมนายักษ์ใหญ่ของมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับกฏหมาย คณะนิติศาสตร์เลยนะ แล้วก็ด่าบุ๋ม บอกว่าบุ๋มก้าวล่วงพระราชอำนาจ บุ๋มบอกว่าเดี๋ยวก่อนนะคะ ถ้าใช้คำนี้กับการขอยกเลิกอภัยโทษนะ กรุณากลับไปเรียนกฏหมาย 101 ใหม่เพื่อจะได้รู้ขั้นตอนว่าจริง ๆ แล้วการขอยกเลิกอภัยโทษ ไม่ได้แตะพระราชอำนาจเลยนะ เพราะจริง ๆ แล้วกรมราชทัณฑ์คัดรายชื่อนักโทษชั้นดีว่าใครจะถูกคัดเลือกขึ้นไป รายชื่อกลุ่มนี้จะถูกเสนอไปยังกระทรวงยุติธรรม แล้วเสนอขึ้นไปข้างบน ที่บุ๋มทำมันคือการตัดตอนตั้งแต่ตอนแรก ไม่ได้แตะพระราชอำนาจเลย นั่นคือพระเมตตาของพระองค์ คนละแบบกัน

 

อีกเรื่องหนึ่งเขาก็บอกว่า ก็ฉากเลิฟซีนดารานั่นแหละ ภาพของดาราอย่างนั้นอย่างนี้ บุ๋มบอกขอโทษนะคะ ถ้าคุณดูละครจริง ๆ คุณจะรู้ว่าละครสอนให้รู้ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เพราะฉันเองนี่เล่นร้ายมาโดยตลอด มอมยาพระเอกก็แล้ว ทำอะไรก็แล้ว ไม่เคยได้เลย แล้วอีกประเด็นหนึ่งที่เป็นมาตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบันนี้ ล่าสุดบุ๋มยังโดนด่าเลย บอกว่าใส่ชุดว่ายน้ำยั่วยุกามอารมณ์ 

 

คุณจะให้บุ๋มนุ่งขาวห่มขาวไปดำน้ำหรือคะ ตรรกะมันต้องดูถูกที่ถูกเวลานะ บุ๋มเป็นนักดำน้ำมา 30 ปีแล้ว บุ๋มก็ใส่ชุดว่ายน้ำไปดำน้ำไม่ได้ใส่ไปเดินตลาด ทีนี้คนก็ยังพยายามบอกว่าคนที่มารณรงค์เรื่องนี้กลับใส่ชุดว่ายน้ำ เราก็จะบอกว่าต่อให้ดิฉันใส่ชุดว่ายน้ำเดินในตลาด ข้ามถนนสาทร ใครก็ไม่มีสิทธิ์มาข่มขืนบุ๋ม และถ้าคุณเปิดใจจริง ๆ นะ คนที่ถูกข่มขืนจริง ๆ แล้วใส่ชุดนักเรียน ใส่ยูนิฟอร์ม นอนอยู่บ้านชุดนอนธรรมดาดี ๆ นี่แหละ ไม่ใช่ชุดว่ายน้ำสักคน 

 

ศีล 5 ไง ไม่ไปนอกใจ ไม่ไปละเมิดคนอื่น ใช่ไหมคะ นี่คือธรรมชาติซึ่งก็อยู่ในศีล 5 ข้อหนึ่งเหมือนกัน แต่คุณต้องไม่ไปทำร้ายคนอื่น บุ๋มพยายามจะพิสูจน์ว่า ในเมื่อบุ๋มมีจุดยืนในเรื่องของการข่มขืนนะ บุ๋มจะดูแลผู้เสียหายและเหยื่อทุกคนเป็นลูกของบุ๋ม ในกรุ๊ปไลน์ค่ะ 20-30 คน อย่างน้อยเขาต้องมีเสาหลัก เพราะเขาเจอปัญหาที่ใหญ่ของชีวิตมากแล้วค่ะ 

 

ล่าสุดเป็นเคสพ่อแท้ ๆ ทำกับลูกสาว 2 คนเลยนะ ให้เหตุผลว่าเพราะหน้าเหมือนเมียเก่า เด็กเครียด ผวา หลาย ๆ อย่างมาก แต่พอบอกว่าไม่เป็นไรนะลูก เดี๋ยวแม่บุ๋มส่งเรียนนะ เขาร้องไห้แบบสุด ๆ เขาต้องยอม ล่าสุดดิฉันจับพ่อเขาเข้าคุกไปแล้ว ทนอยู่ในบ้านนั้นให้พ่อลวนลามเพราะกลัวไม่มีเงินเรียน มันใช่หรือ เราก็ทนไม่ได้เหมือนกัน

 

ทีนี้พอความเป็นแม่ของเรานอกเหนือจากลูกหลาย ๆ คนที่เรารับมา บุ๋มจำได้เลยมีน้องคนหนึ่งที่สุพรรณบุรี เด็กคนนี้คุณครูเป็นคนเขียนจดหมายมาหาบุ๋มเอง แล้วเหมือนธรรมะจัดสรรที่วันนั้นละครยกเลิกกองพอดี บุ๋มก็เลยขับรถไปหาเขาเลย เด็กคนนี้เขาบอกว่า มันเหมือนกับหนูอยู่ในห้องมืดตอนม.3 ที่พ่อเป็นโรคไตรุนแรงแล้วเขาจะไม่ได้เรียน เขานั่งรถจากบ้านเขา 2 คนพี่น้องมาเรียนในเมืองวันละ 80 กม. ทุกวัน เด็กคนนี้สู้ชีวิตมาก บุ๋มชอบเด็กสู้ชีวิต แล้วพอเขาจะไม่ได้เรียน มันเหมือนกับเขาอุตส่าห์ได้ 4.00 เป็นเด็กดี เป็นหัวหน้าห้อง แต่กลับกลายว่าชีวิตเขากำลังจะดับ 

 

ผลก็คือวันที่บุ๋มไปถึงตอนที่เขาเห็นบุ๋มเดินลงจากรถ มันเหมือนแสงสว่างเดินมาในชีวิตเขา บุ๋มเดินเข้าไป เขายืนช็อกตัวแข็ง พอเราเดินเข้าไปกอดเขา เราถามว่าเหนื่อยมาเยอะแล้วใช่ไหมลูก เขาร้องไห้จนเสื้อบุ๋มเปียกเลย เหมือนเขาได้ปลดปล่อย ทุกวันนี้เขาเรียนหมอฉุกเฉินที่รามาค่ะ

 

 

Host: พอเห็นผลมันก็ภูมิใจเหมือนกันนะ เรื่องราวเหล่านี้อันดารู้ไหมคะ

 

คุณแม่บุ๋ม: รู้ตลอด หันไปบอกเขาว่าญาติเยอะนะเรา (หัวเราะ) เราก็สอนเขาในสัจธรรมความจริงเสมอว่า ณ วันใดที่แม่ตาย แม่ขอตายเพื่อประชาชนนะ นี่คือคำที่บุ๋มสาบานกับตัวเองไว้ เพราะบุ๋มลงไปช่วยเหลือ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เดินทางเยอะมาก วันที่บุ๋มไปกราบพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 ที่สวนลุม บุ๋มมองพระองค์ท่านแล้วบอกว่า ถ้าบุ๋มได้ตำแหน่งนางสาวไทย จะขอถวายชีวิตและจิตวิญญาณนี้เพื่อประเทศชาติและสังคมตลอดไป และนั่นคงทำให้บุ๋มสามารถทำงานในวงการนี้มาได้ถึง 20 ปีเต็ม 

 

แต่บุ๋มไม่รู้หรอกว่าจะมีชีวิตนี้ได้อีกนานแค่ไหน บุ๋มได้แต่บอกลูกว่า ถ้าวันใดที่แม่เป็นอะไรไป ร่างแม่ก็บริจาคนะ อย่างที่สองคือไม่ต้องมาเจาะคอหรือยื้อชีวิตแม่ เมื่อร่างมันจะไปมันก็คือต้องไป ปล่อยให้แม่ไปสบาย ๆ นะ อย่างที่สาม เกียรติคุณแม่ทำไว้ให้หนูเยอะมาก หนูไม่ต้องกลัวว่าไม่รู้จะพูดอะไรในงานศพแม่ เปิดวิกิพีเดียเซิร์ชกูเกิลก็เจอเลย (หัวเราะ) แล้วนางก็เลยเปิดดูแล้วลองอ่าน นางถามว่าละครแม่ร้อยกว่าเรื่องนี่ หนูต้องพูดด้วยไหม (หัวเราะ) เอาที่สบายใจลูก อยากอ่านก็อ่าน ไม่อยากอ่านก็ไม่ต้อง

 

 

Host: อะไรเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้บุ๋มจะทำเพื่อประเทศชาติได้มากมายขนาดนี้ อะไรที่มันอยู่ในใจบุ๋มที่ทำให้รู้สึกว่า ฉันจะทำทั้งชีวิตเพื่อประชาชน มันเป็นคำที่ถ้าไม่มีแรงขับดันอะไรบางอย่างมันจะไม่มีทางมุ่งมั่นได้ขนาดนี้เลยนะ

 

คุณแม่บุ๋ม: บุ๋มก็ไม่รู้เหมือนกันแต่มันเป็นคำที่บุ๋มพูดแม้กระทั่งตอนประกวดนางสาวไทย ถ้าไปดูเทปย้อนหลังบุ๋มจะใช้คำว่า “ถ้าได้เป็นนางสาวไทยจะทำเพื่อสังคมและประเทศชาติต่อไป” อาจจะเป็นเพราะว่าภาพในหลวงรัชกาลที่ 9 บุ๋มเห็นมาตั้งแต่เด็ก ท่านทรงงานหนักมาก ท่านทรงเป็นแบบอย่างของชีวิตบุ๋มหลาย ๆ อย่าง กินง่าย ๆ อยู่ง่าย ๆ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นสิ่งที่อัจฉริยะที่สุด เป็นปรัญชาเหมือนพระพุทธเจ้าคือเป็นทางสายกลาง บุ๋มก็ใช้ชีวิตทางสายกลางทุกวันนี้ 

 

สังเกตดูนะคะไม่ได้ติดอยู่กับชื่อเสียง ไม่ดีใจกับชื่อเสียงจนเกินไป และจะไม่เสียใจในวันที่ชื่อเสียงจะจากไป ดังนั้น บุ๋มถึงพยายามใช้ชื่อเสียงทุกวันนี้อย่างเต็มที่ในวันที่บุ๋มยังดังอยู่เพราะมันอยู่กับเราไม่นาน เอามาช่วยประชาชน

 

วันก่อนเรื่องเคสที่พ่อข่มขืนลูกนะ บุ๋มโทร.ไปบ้านพักฉุกเฉิน คุณลองโทรศัพท์กันก็ได้เบอร์ราชการอะไรสักอย่างหนึ่งติดยากมาก แล้วพอโทร.ไปบอกสวัสดีค่ะ ชื่อนี่... หรือสวัสดีค่ะนี่พี่ปุ๋มปนัดดานะ “อ๋อพี่บุ๋ม มีอะไรให้ช่วยคะ” คำว่าพี่บุ๋มมันมีคุณค่ามากนะ 

 

หรือเคยมีเคสหนึ่งที่ติดอยู่ตรงชายแดนฝั่งลาว มันมีปัญหาอะไรบ้างอย่างก็เลยโทร.หาผู้ว่าราชการหนองคาย หน้าห้องผู้ว่าส่งให้ผู้ว่ารับสาย “อ๋อคุณบุ๋มมีอะไรให้ช่วยครับ” คำว่า “อ๋อ คุณบุ๋ม” มันมีคุณค่าในวันที่บุ๋มยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นนะ มันช่วยให้อีก 4 ชีวิตที่ติดอยู่ฝั่งโน้นกลับมาได้อย่างปลอดภัย ถามหน่อยว่าบุ๋มจะใช้คำว่า “อ๋อ คุณบุ๋ม” ได้อีกสักกี่ปี บุ๋มถึงต้องพยายามทุกวันนี้ แม้ว่างานในวงการจะเยอะมากนะ มีเกือบ 10 รายการ ถ้าคนอื่นเขานอนอยู่บ้านสบายแล้ว แต่ทำไมบุ๋มถึงช่วยและลงพื้นที่อยู่เสมอ เพราะคำว่า “อ๋อ คุณบุ๋ม” นั่นแหละมันช่วยคนได้เยอะมาก

 

 

Host: แล้วตัวอันดามัน เขาได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ ความรู้สึกนี้จากแม่บ้างไหมคะ 

 

คุณแม่บุ๋ม: บุ๋มไม่พูดอะไรมากค่ะ บุ๋มมักจะทำให้เขาเห็น อย่างที่ผ่านมาช่วง COVID องค์กรทำดีเราช่วยเหลือเกือบ 600 โรงพยาบาล รพสต. (โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กู้ภัยทั่วประเทศ มันกลายเป็นโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่มากนะคะที่องค์กรทำดีเราทำ 

 

เงินส่วนตัวของเรา 2,500,000 เอาลงเต็มที่ บุ๋มนั่งแพ็กของ ปรากฏว่าสิ่งหนึ่งที่อันดาเห็น บุ๋มไม่ได้บอกนะว่าทำอะไร สักพักเขาก็ลงมานั่งทำด้วยกัน นั่งจัดหน้ากากให้ประชาชนอะไรอย่างนี้เขาก็มานั่งทำ เราจะให้เขาทำเองโดยที่ไม่ต้องบอก เราต้องทำความดีเป็นตัวอย่างให้เขาเห็น 

 

อย่างเช่นที่หน้าบ้าน บุ๋มแจกข้าวทุก ๆ วันเสาร์หรือวันอื่น ๆ มาแทรกบ้าง บางที่เพื่อน ๆ เป็นเจ้าของร้านอาหารเห็นในอินสตาแกรมแล้วบอก เอาคุณบุ๋ม เอาไปแจก บุ๋มแจกบางที 500 ชุด มาพอนะ มาจากไหนก็ไม่รู้ แต่เราทำจนกระทั่งอันดาลงมาช่วยส่งของให้ ปลากระป๋องอะไรอย่างนี้ เราทำให้เขาเห็น 

 

เพราะตอนนั้นบุ๋มมีความรู้สึกว่าถ้าแต่ละบ้านแต่ละชุมชนมีบ้านที่ออกมาช่วยเหลือชุมชนได้ แล้วทุกซอยทำเหมือน ๆ กัน บ้านนี้วันจันทร์ บ้านนี้วันเสาร์ สลับ ๆ กันไป มันจะช่วยประคับประคองทุกชุมชนให้เราผ่านวิกฤติทั้งประเทศ แต่บุ๋มจะไม่พูด ทำให้ดู ทำจนบ้านข้าง ๆ ก็สั่งไข่มาเป็นรถกระบะเพื่อมาแจกด้วย พอบุ๋มแจกข้าวก็ไปรับไข่ต่อ มันน่ารักมาก มันกลายเป็นโปรเจกต์ที่น่ารักของซอยบ้านดิฉันค่ะ มันเป็นรอบยิ้มที่คนรับก็มีความสุข คนให้ก็มีความสุข 

 

ล่าสุดจากเรื่องที่เกิดขึ้นจนทุกคนเห็นประเด็นข่าวใหญ่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ตั้งแต่ลงพื้นที่มาเป็นสิบสิบปี บุ๋มลงพื้นที่ตลอดนะแต่นี่เป็นครั้งแรกที่แจกของแล้วประชาชนจับมือบุ๋มบอกว่าคุณบุ๋มสู้ ๆ นะ (หัวเราะ) มันดังมากไม่รู้ใครให้กำลังใจใคร จะมีภาพหนึ่งที่บุ๋มลงไปกับพี่ ๆ ที่เป็นคนเก็บผักตบชวา พี่ ๆ ที่อยู่ในเรือตะโกนบอกว่า คุณบุ๋มสู้ ๆ นะ มันอุ่นใจบุ๋มร้องไห้เลยค่ะ วันที่บุ๋มไลฟ์สด 3 แสนกว่าวิว ตอนนี้ดูไป 3 ล้านกว่าแล้วนะ ส่งข้อความมาให้กำลังใจเกือบแสนข้อความ แล้วบอกบุ๋มสู้ ๆ ตอนนั้นอันดามันดันมานอนที่ตักเราน้ำตาบุ๋มไหลไปเลย ตอนแรกกะว่าจะร้องไห้ไม่ให้เขารู้แต่ตอนนั้นมันไม่ไหวแล้ว ข้อความก็มา ๆ นี่ก็มองหัวลูก จบกันทำนบแตก จริง ๆ บุ๋มไม่ได้เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งเลยนะ 

 

อีกส่วนหนึ่งที่เด็กผู้หญิงคนนี้สร้างพลังที่ยิ่งใหญ่ในโปรเจกต์ต่อไป คือวันที่ต้องไปทำวีซ่าและพาสปอร์ตให้กับเขา กฎหมายไทยให้เรียกพ่อกลับมาเซ็นพร้อมกัน

 

 

Host: ไม่ได้เซ็นมอบอำนาจแล้วหรือให้แม่เป็นผู้ดูแล

 

คุณแม่บุ๋ม: บุ๋มไม่ได้จดทะเบียนสมรส ใช่ไม่ต้อง ลูกเป็นสิทธิของแม่โดย 100% ปัจจุบัน อันดามัน นามสกุลวงศ์ผู้ดี แล้วทำไมบุ๋มยังต้องโทร.เรียกพ่อเขามาเซ็น ดีนะที่บุ๋มกับพ่อของน้องไม่ได้เกลียดกัน โทรไปรบกวน เขาก็วิ่งมาให้ ขอบคุณเขาจริง ๆ แต่อีกหลายครอบครัวจะเป็นยังไง คำว่าเลิกกันด้วยดีมันไม่มีจริงหรอก เพราะถ้าดีมันไม่เลิก 

 

ดังนั้นบางครอบครัวมองหน้ากันไม่ติดด้วยซ้ำ แล้วคุณจะให้โทรไปเพื่อมาเจอหน้ากันนี่นะ บางคนก็อยู่คนละจังหวัดซึ่งก็เยอะด้วยที่อยู่คนละจังหวัด คุณไปริดรอนสิทธิ์ของเด็กได้อย่างไรในการที่ห้ามไม่ให้เขาไปเรียนเมืองนอก หรือจะไปเที่ยวเมืองนอกเปิดหูเปิดตา มันเป็นสิทธิ์ของเด็กที่ควรจะได้ไป 

 

ล่าสุดบุ๋มไปยื่นหนังสือกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในเรื่องของความเท่าเทียมกัน ในเมื่อมันเป็นอยู่ในรัฐธรรมนูญกฎหมายมาตราที่ 3 และมาตราที่  11 คุณก็ต้องช่วยดูแลประชาชนด้วยความเท่าเทียม ดังนั้น จากนี้ไปพ่อและแม่เลี้ยงเดี่ยวควรจะได้รับสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกอย่างเต็มที่ ถามว่าที่ผ่านมาทำไมเกิดอะไรขึ้นไม่มีใครจัดการ ก็เพราะไม่มีใครยื่นเรื่อง แต่ระเบียบราชการเป็นระเบียบเก่า ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครกล้าจะเปลี่ยน ดังนั้น ปนัดดา วงศ์ผู้ดี กล้าที่จะเปลี่ยนเพื่อลูกของบุ๋มจะได้ไปเมืองนอกได้อย่างสบายใจ

 

 

Host: เดี๋ยวต่อไปเธอจะได้แก้ปัญหาอีกหลาย ๆ อย่าง

 

คุณแม่บุ๋ม: ก็บุ๋มเป็นนักแก้ปัญหา เป็นประเภทแบบว่าติดขัดเรื่องนี้ ก็ทำสิ แต่มันจะได้ผลจากวันนี้เป็นต้นไปกับเด็กคนอื่น ๆ อีก แม่ว่าบุ๋มจะตายไปแล้วก็ตาม มันต้องมีการเปลี่ยนแปลง มันต้องลงมือทำและสิ่งนี้มันนอกเหนือจากอันดาแล้วที่จะได้ มันคือเด็กคนอื่น ๆ ที่พ่อและแม่เลี้ยงเดี่ยวจะได้เช่นเดียวกัน

 

 

Host: มันทำให้เราได้คิดถึงการเปลี่ยนกลไกสังคมไปด้วยในตัว

 

คุณแม่บุ๋ม: ใช่ค่ะ พลังจากเด็กคนเดียวนะ เห็นไหม

 

Host: ใช่ค่ะ เขาใส ๆ บริสุทธิ์และไม่จุกจิก ทำให้บุ๋มไม่กังวลเวลาออกไปทำงานนอกบ้านเลย

 

 

 

 

ผู้ดำเนินรายการ:  คุณแม่บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี / สุรางคณา สุนทรพนาเวศ

บรรณาธิการ:  นันทิญา จิตตโสภาวดี

กองบรรณาธิการ: นมิดา แพ่งสภา, ปัณณธร ใสแสง, รุจา สุขพัฒน์, นีรชา คัมภิรานนท์, สุสมา สุขพัฒน์

ศิลปกรรม:  ฐานิสร์  ริ้วสุวรรณ, เอกชัย เธียรสรรชัย
นักออกแบบเสียง:  ธัญธนวรัท  ชนกชัด

ฝ่ายผลิต: ชลธิศ กรดี

ที่ปรึกษา:  วันชัย  บุญประชา, ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

สนับสนุนโดย  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

 

 

 

OTHER