ส่งต่อรักแบบแม่ EP.02 คุณแม่ตู่ (นันทิดา แก้วบัวสาย)

23 กันยายน 2020 79 ครั้ง

ส่งต่อรักแบบแม่ EP.02 คุณแม่ตู่ (นันทิดา แก้วบัวสาย)

ติดตามมุมมองความเป็นแม่ของ "แม่ตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย" ที่ถ่ายทอดความรักอันไพเราะผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ ใน ส่งต่อรักแบบแม่ EP.02 คุณแม่ตู่ (นันทิดา แก้วบัวสาย)

 

คุณแม่ตู่: พี่บอกว่า “Fact” นี้คือคำว่าจริง คือ “สัจจะ”  สัจธรรม มันไม่ใช่เรื่องจริงที่อยู่ข้างหน้าที่พี่ได้เจอ แต่เป็นความจริงในชีวิตที่พี่จะต้องประคองต่อไปยังไง คุณพ่อได้บอกความจริงนั่น บอกทางสว่างให้ลูก บอกสิ่งที่รู้สึกว่า ในสิ่งที่มันทุกข์อยู่ในตอนนั้น มันมีสิ่งที่ดีอยู่ตรงนี้ จากผู้ชายคนนี้ที่ไม่เคยหลอกเรา แล้วเราเชื่อมาตั้งแต่เด็ก 

 

เวลาที่พี่ป่วยพ่อจับมือพี่ในขณะที่แม่ไม่ได้จับ ในช่วงที่พ่อป่วยมาก ๆ คุณพ่อบอกว่า “พ่อจะอยู่ได้ 4 เดือนเท่านั้น” นั่นเป็นสิ่งที่พี่หนีความจริง เวลาที่เราไม่อยู่กับความจริงมันโคตรน่ากลัวยิ่งกว่าเจอผีอีก คือร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน ไม่เชื่อ ๆ ไม่ ไม่ ไม่ รับไม่ได้ เขาต้องอยู่กับเรา ทุกโรงพยาบาลนันทิดาไปหมด เอาแฟ้มประวัติหอบไปถามคุณหมอต้องทำยังไงคะ ต้องทำยังไง แล้วเอาสิ่งที่ดีที่สุดมาให้พ่อ จะผ่าหรือไม่ผ่า คุณพ่อเกลียดคำว่ามะเร็งมาก พ่อบอก "ป๋าเกลียดมะเร็งมากเลยลูก" ขออย่างเดียวอย่างเป็นโรคนี้นะ แต่คุณพ่อก็เป็น 

 

แล้วลูกจะพูดยังไงกับพ่อ ลูกทุกคนไม่มีใครกล้าพูด พี่ถึงมาคิดว่าสัจจะ เวลาที่เราไม่ face to fact มันน่ากลัวมาก เวลาที่เราไม่อยู่กับความจริง จนในวันที่เราไปบอกพ่อ แล้วพ่อบอกว่า “โถ่เอ๊ย ถ้าตู่บอกป๋า ป๋าจะได้ไปเล่นเครื่องบินน้ำ จะได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ลูก” “ตู่อยู่ไหนลูกวันนี้ อย่าลืมนะพรุ่งนี้มาถ่ายวิดีโอตอนป๋าขับเครื่องบินขึ้นจากน้ำนะ” ป๋าต่อเรือ เรือชื่อนันทิดา ให้คนที่อยุธยาต่อเรือให้ซึ่งเรือทุกวันนี้ก็ยังอยู่ค่ะ 

 

จากสิ่งที่พ่อสอนนั่นคือสัจธรรมจริง ๆ นะ “Fact” ของพ่อที่เป็นคีย์เวิร์ดของพี่เลยคือ “ลูกป๋าทำได้” ในสายของพุทธธรรมคือ face to fact นี้จริงที่สุด ท้ายที่สุดคือตนเป็นที่พึ่งแห่งตน คือแน่ที่สุด มันมีบทเรียนที่สอนพี่มาแล้วเกี่ยวกับเรื่องการเจ็บป่วย พี่ถึงได้ตรงนี้มาค่ะ เจ็บป่วยนี่ได้ตรงนี้มาก คำว่า สัจธรรม ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน นี่คือได้จริง ๆ

 

แต่ส่วนของน้องเพลง ได้จากความเชื่อที่พี่บอกว่าอะไรก็ตาม ยายสอนหนูใช่ไหมว่า “เรียนให้สูงที่สุดนะลูก ให้เป็นรางวัลของพ่อแม่ ยายไม่มีอะไรให้หนู” เมื่อใดก็ตามเมื่อไม่เข้าใจอะไรในชีวิต “แม่พ่ออยู่ตรงนี้” บ้านเราเปิดใจคุยได้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะแม่และยาย แม้กระทั่งแดดดี้ด้วย 

 

เมื่อใดก็ตามที่เขา handle อะไรไม่ได้ ให้กลับมาหาเรา เขาบอกว่ามันสุดขีดจริง ๆ แม่ มันถูกไหมแม่ที่เพลงตัดสินใจอย่างนี้ เราบอกว่า อืม...มันก็เป็นแบบนี้ได้ลูกถ้าลูกคิดอย่างนั้น เพราะว่าลูกผ่านการทดสอบตัวเอง กรองมาแล้ว ผ่านการ try hard มาแล้ว แล้วพี่ก็บอกคำหนึ่งว่า “คำของพระเจ้าว่า ลูกของพระองค์ เมื่อคุณอดทนด้วยความเข้าใจ การจำนนคือการคุกเข่าใช่ไหม ถ้ายอมจำนนแล้วคุกเข่า (พี่จะใช้คำว่าจำนน) นั่นคือเราทิ้งทุกอย่างหมดแล้ว แต่ถ้าไม่มีความเข้าใจ ไม่ผ่านสิ่งเหล่านั้น มันจะกลับมาเป็นตะกอนเหวี่ยงเวียนมาอีก” 

 

ซึ่งเราเคยเป็นเพราะเรายังรู้ไม่จริง ยังไม่ศิโรราบ เพราะฉะนั้น ค่อย ๆ เรียนรู้ไปเถอะนันทิดา เพลงก็ต้องค่อย ๆ เรียนรู้ไป พอเราได้เรียนรู้อะไรจากตัวเอง เราก็ค่อย ๆ เล่าให้ลูกฟัง คำตอบของพี่นะคะเวลาที่เป็นลูกของพระเจ้าหรืออะไรก็ตามนะคะ เหมือนที่พี่บอกว่า ฉันจะใส่ส้นสูง ฉันต้องสวย ข้อฉันที่ปวดเดี๋ยวก็เข้าโรงพยาบาล ตอนนั้นผ่านหน้าโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์พอดี ลูกโทรศัพท์มาบอกว่า แม่ทำไมแม่ไม่รักตัวเอง You ชอบให้ I ทุกข์ เจ็บปวดใช่ไหม I บอก You แล้วใช่ไหมว่า “ฉันรักแกมาก” เขาพูดคำนี้นะ “คนที่รักแกที่สุดคือผู้หญิงคนนี้” คือแม่พี่เองนะคะ 

 

วันนั้นที่พี่ป่วยที่สุด คือกระดูกแตก หมอบอกว่าพี่มีสิทธิ์เป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้ พี่นี่จะเถียงเลยนะแต่เถียงไม่ออก ทุกอย่างมันปิดหมดเลย “You ไม่ต้องมาพูดว่าทำเพื่ออะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องบอกว่าทำเพื่องานหรือเพื่ออะไร ไม่ฟัง แต่ผู้หญิงที่เสียใจที่สุดคือคนนี้ (คุณแม่พี่)  ถ้า You เป็นอะไรไป คนนี้(คุณแม่พี่) และ I จะอยู่ยังไง” เราเพิ่งรู้ว่าเขารักเราที่สุด เพิ่งรู้ว่า ความเป็นแม่ถ้าเขาไม่มีเรา เขาอยู่ไม่ได้เลยหรือ

 

ชีวิตที่มันผ่านมาก็มีนะคะแบบที่ว่าเอิ่ม... แต่พี่มีความรู้สึกว่าเราเลือกสิ่งที่ดีเข้ามาเป็นกำลังใจตัวเอง เพลงเขาก็รู้จักเลือกหยิบมา เขาก็มี suffer ค่ะ ตามวิถีชีวิตที่มันต้องมีต้องเป็น แต่เขาจัดการได้ พี่ถึงบอกเขาว่า ถ้าอดทน จำนน และเข้าใจ ลูกของพระเจ้าจะมีรางวัลที่ยิ่งใหญ่รออยู่ข้างหน้า 

 

เพลงเองก็เป็นคนสอนพี่หลาย ๆ อย่าง สอนให้กลับมารักตัวเอง เราก็บอกว่า "แม่ผิดหรือลูกที่แม่ไปทำงานทั้ง ๆ ที่แม่ป่วย" เขาบอกว่า "แม่ต้องการแค่ให้คนปรบมือให้แม่แค่นั้นหรือ แล้วชีวิตที่เหลือคืออะไรแม่ แม่ต้องดูเป็นบางอย่างสิ" 

 

เคสที่หมอบอกว่าแม่จะเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้เนี่ย แต่แม่ไปด้วยความเชื่อไง แล้วมันทำได้ แต่พอลงกลับมาแบบสั่นเลย ยังไปเล่นละครเวทีอีกนะ เล่นทั้งแบบมือสั่น ๆ จนกระทั่งทีมงานบอกขอไม่เล่นเถอะเพราะเล่นละครเวทีมันต้องต่อเนื่องกัน พอเขาเห็นแขนสั่น เขาก็บอกว่าเล่นไม่ได้ จาก 57 รอบ เหลือ 44 รอบที่ได้เล่น อันนี้พี่ก็เลยมีความรู้สึกว่า จริง ๆ ชีวิตที่มีมาด้วยความเชื่อมันทำให้เราผ่านสิ่งเหล่านั้นไปได้ นี่พูดถึงความเชื่อนะคะ 

 

แต่การที่เรามีความเชื่อมันก็ทำลายอะไรไปบางอย่าง ถ้าเราเชื่อในสิ่งที่ผิด อย่างเช่นของพี่เนี่ย เชื่อในสิ่งดีที่เป็นความ respond ของเรา แต่ในมุมหนึ่งเราก็ต้องชั่งน้ำหนักหน่อยว่า สิ่งนั้นมันท้าทายกับตัวเองมากไปหรือเปล่า เรายังมีคนที่รักเราอยู่ เขารอเราอยู่

 

 

Host: เพราะเขาก็เจ็บปวดที่เราป่วยมาทั้งชีวิตเนอะ

 

คุณแม่ตู่: ใช่ค่ะ เขาบอกว่า แม่อยากจะอยู่รอถึงวันที่เพลงมีลูกไหม หรือคุณยายอยู่ถึงวันที่เพลงมีลูก วันที่เพลงแต่งงานไหม คุณยายก็บอกว่าจะอยู่รอนะ ตอนนี้ยายอายุ 92 เขากราบเท้าคุณยายบอกว่า “ยายอยู่รอหลานคนนี้นะ รอหลานคนนี้ประสบความสำเร็จนะ หลานจะมาทำงานเลี้ยงยายกับแม่นะ” เขาทำงานเพิ่งได้รับเงินเดือนเมื่อ ก.พ. ที่ผ่านมาค่ะ เราไม่ได้โอ้อวดลูกนะคะแต่หมายถึงเป็นการที่เราขอบคุณลูก "แม่ทุกคนอยากขอบคุณลูกในโลกใบนี้ ไม่ใช่แม่คนเดียวหรอกที่จะทำเหล่านี้ได้ทั้งหมด แม่เองยังต้องเรียนรู้เลย ไม่มีหนังสือเล่มไหนหรอกที่บอกว่าลูกของแม่เหมือนคนนั้นคนนี้"

 

ลูกบอก “ You บอก I ด้วยซ้ำว่า Mum, please… You ให้ I ทำแบบนี้ตั้งแต่เด็ก บัลล่ง บัลเล่ I รับปริญญาเมื่อไหร่จะไปขับเครื่องบิน Oh! Noooo! ห้ามไม่ได้แล้วนันทิดา เพราะเธอให้ฉันเรียนตั้งแต่ 3-4 ขวบ ฉันไม่ได้เล่น playground เพราะเธอ ฉันได้ทำอย่างเดียวที่ฉันชอบก็คือขี่ม้า แต่พอฉันกระดูกคดเธอก็บอกไม่ได้ ฉันจะขี่ม้าแบบโลดโผน เธอก็บอกให้ไปขี่ม้าแบบเต้นรำ” (หัวเราะ)  

 

เพลงบอก แม่ I ต้องการจะขี่แบบนี้ พี่บอกเพลงเคยดูไหม นี่ไงตกลงมาคอหักตายเลย นี่ไงไอ้ม้าที่เธอบอก เพลงบอก แม่...ม้าดูที่หู คนขี่จะรู้ว่ามันเป็นยังไง ถ้ามันจะตายก็คือเป็นอุบัติเหตุจริง ๆ อยู่ที่ไหนก็ตายนะแม่ นี่เลยทุกอย่าง ดำน้ำฉันก็กลัว งั้นขอขับเครื่องบินก่อนเลย แล้วดำน้ำ ยิงปืน เราบอกปืนอย่านะไม่เอา งั้นได้ขับเครื่องบิน 2-3 วันไปเขาใหญ่ พอเครื่องบินขึ้นเขาจะชอบ Wowww!!เขารู้สึกอิสระ เวลาเขาเหนื่อยจากงาน ยายคนนี้เขาชอบไปอยู่กับธรรมชาติ เขาต้องอยู่ทะเลไปขับ jet ski มีความสุขไปอยู่กับทะเล แต่หลังเขาเจ็บ 

 

เนี่ยไปอยู่โรงพยาบาล "ถ้าความเจ็บแค่ไหนลูก 1-10" มาตอบเอาตอนตี 1 "ระดับ 3" "แล้วยังไงเนี่ยลูกคุ้มไหม" "คุ้มแม่ลูกขอเวลา 2 ปี นะแม่นะ" จนไป ๆ มาบอกลูกปีเดียวก็พอมั้ง ก็นางนั่งมอเตอร์ไซค์ เงินเดือน 25,000 ทำงานได้เงินมาเขียนใส่ซองมานะ ลายมือหัวโต ๆ ตัวเล็ก ๆ ให้แม่ 6,000 ให้ยาย 7,000 เปิดซองมาโอ้โห แต่แดดดี้ไม่ได้นะ 

 

แต่วันดีคืนดีเขาก็ไปกราบคุณพ่อ เราก็นั่งรถไปกับเขา เดี๋ยวแวะไปหาแดดดี้หน่อยนะแม่ พ่อก็เอาไปวางไว้ที่หน้าพระพุทธ ขอบใจนะลูกรัก บุญรักษานะลูกนะ เพลงก็หันมา เย้!...เพลงบอกว่าแม่แต่ช่วง COVID อาจจะลดเงินเดือนนะ ก็ทำงานตอน ก.พ.แล้ว COVID มันพีคอย่างนี้ นั่งทำงานอยู่ที่บ้านยังไม่รู้จะได้ 25,000 หรือเปล่า

 

เขาเก็บแมวหมามาเลี้ยง เขาเหมือนแดดดี้ เมื่อ 2 วันที่แล้วฉันต้องไปดู “เมโลดี้” กับ “ฮาร์โมนี” หมาอีกหรือลูก วันก่อนเพิ่งจะได้ “เฟส” แมวมาจากสนามกอล์ฟ ได้ “โฮป” มาจากแฟมิลี่มาร์ท เราบอก "ลูก...ลูกเป็นภูมิแพ้อย่างแม่ ทุกวันนี้หนูก็เป็นภูมิแพ้ มันจะออกทางลมหายใจ ฉันมีลูกคือเธอคนเดียว จะทำอย่างนี้ได้ไง" "ไม่เป็นไรแม่ พ่อเอากรงมาอยู่หน้าห้องนอน มันใหญ่มากเลย" แต่ทุกวันนี้เล่นกัน “อีโฮป” อยู่ใต้ผ้าห่ม (หัวเราะ) กรงน่ะอยู่หน้าห้องแต่แมวอยู่ใต้ผ้าห่มเพลง บอกเพลงอาบน้ำเดี๋ยวนี้ เอาเครื่องดูดฝุ่นมา นางก็อิดออด บอก "เดี๋ยวนี้" ร้ายมาก... 

 

“เมโลดี้” กับ “ฮาร์โมนี” มันเป็นพี่น้องกัน สีครีมกับสีดำ ถามว่าทำไมชื่อเมโลดี้ เพราะว่าพอร้องเพลงปุ๊ปมันให้จับ มันเวี้ยว ๆ ว้าว ๆ แต่พอร้อง “Twinkle twinkle little star” ให้จับเลย นี่ไงดูในวิดีโอ แม่เขาป้อนยาให้ เพลงบอก มาหาแม่ลูก เจ้าฮาร์โมนีตัวพี่ ตัวน้องเมโลดี้ขู่แฮ่ ๆ พอวางอาหารให้ก็เผลอไง เพลงก็จับ มันก็ยังแฮ่ ๆ พอ Twinkle twinkle little star” ก็เงียบจับได้ ฉันเชื่อเธอแล้วเนี่ย เธอต้องมีอะไรบางอย่างที่เธอเป็นแม่เขาในสมัยก่อน

 

 

Host: แล้วชื่อเป็นดนตรีด้วยนะ

 

คุณแม่ตู่: ใช่ ตอนแรกก็ว่าตั้งชื่อเพลงดีไหม เพราะเขาร้องเพลงไง มันไปอยู่ในสนามกอล์ฟที่มีต้นไผ่อยู่ตรงนั้น เขาก็ไปเจอลูกหมาสองตัวนี้ ตัวพี่ออกมาแต่ตัวน้องไม่ออกมา พอร้องเพลงก็ออกมา ก็เลยชื่อเมโลดี้

 

จุดมุ่งหมายต่อไปของเขาจะตั้ง PCA Foundation (PCA: Pleng Chontida Asavahame) เพราะตอนนี้มันมีอยู่ตัวหนึ่งชื่อ “ลัคกี้” ตอนนั้นเพลงโทรมา 5 ทุ่ม บอกแม่มีหมาแก่ ๆ ตัวหนึ่งเดินอยู่ เขามีปลอกคอแต่ดูโทรมมาก เดินโซซัดโซเซ แล้วรถก็แล่นไปแล่นมา "แม่จ๋า I ขอเอาหมากลับไปบ้านด้วยนะ" พี่บอก "เดี๋ยว ๆ ๆ มีถุงมืออะไรหรือเปล่า ไปจับเดี๋ยวหมาจะกัด"  "ok งั้นขอขับรถตามเขาก่อนนะแม่" 

 

เขาก็ขับตามไป ทิศทางนั้นคือบางรัก แต่เขาไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนเรียกไม่ถูก "คืออะไรไม่รู้แม่ เขาเข้าซอยแล้วแม่ แม่ให้เพลงจับไหม" "ok ในซอยนั้นมีอะไรบ้างลูก" "มีร้านอาหาร" "งั้นลูกบอกให้คนในร้านอาหารพนักงานเขาจับให้ ไม่ได้ ๆ เดี๋ยวเกิดไปเจอพวกมิจฉาชีพ ไม่ได้ ๆ งั้นขึ้นรถลูก เดี๋ยว ๆ หรือโทรหาพี่เก๋ชลดาดีไหม เอ๊ะ!" เอ๊ะ ๆ อยู่นั่นจนเพลงบอกว่า "ไม่มีเวลาแล้วแม่ น้องกำลังจะออกถนนใหญ่ เพลงจับเลยได้ไหมแม่" "เอางั้นเลยหรือลูก หนูไม่มีถุงมืออะไรเลยนะ" เขาบอก "You นี่ช้ามากเลย เดี๋ยว I โทรหาแด๊ดดีกว่า" 

 

หลังจากนั้นเขามาบอกว่า "แม่..แด๊ดให้จับเลย" เพลงก็ออกไปจากซอยไม่ถึง 5 นาทีแล้วเขาโทรมาร้องไห้บอกว่า "แม่ ๆ น้องถูกรถชน ชนแล้วถูกทับให้ตายอีกที" เขาไปจับมาทัน เพลงร้องไห้วี๊ด ๆ เราก็นึกว่าลูกเป็นอะไร ถูกหมากัดหรือเปล่า ก็มีผู้ชายไม่รู้มาจากไหนอุ้มน้องไปที่ฟุตบาท เพลงก็บอกขอเอาน้องขึ้นรถ เขาก็เอาน้องขึ้นรถเขา ต้องขับรถบนทางด่วนให้เร็วที่สุด แม่โทรบอกโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อแล้วลูกว่า ชนม์ทิดา อัศวเหม กำลังเอาน้องถูกรถชนไปโรงพยาบาล ขอบุรุษพยาบาลรอด่วน เพลงบอกน้องไม่มีบาดแผลแต่เลือดออกปากแล้ว เอาหมอนให้เขาหนุนตัวเขาเหม็นคาวมาก 

 

เพลงบอกขับรถเร็ว ๆ เราก็บอก "เพลงอย่าเร็วลูก" "เพลงต้องเร็ว" "เพลงไม่เร็ว" "เพลงเร็ว" "เพลงไม่เร็ว" อยู่อย่างนี้ตลอดทางอะ "งั้นจะทำยังไง" "เออ..เร็วลูก เร็วก็ได้" ก็เลยตั้งชื่อว่า “ลัคกี้” เขาก็บอกลัคกี้อยู่กับพี่เพลงนะ เขาบอกว่าแม่อธิษฐานจิตนะ เราก็คุกเข่ากับพระบิดาเลย เราก็นึกในใจนะว่าเป็นเพราะฉันหรือเปล่านะ ถ้าฉันบอกเขาตั้งแต่ตอนนั้นก็อาจไม่ถูกชน 

 

เราก็โทรหาแดดดี้บอกว่า ลูกคุณอยู่ที่นี่ไปหาลูกหน่อย พ่อเขาก็ขับไปก็ใกล้กว่าไปถึงทองหล่อ พี่อยู่โน่นนวธานีไกลมาก น้องเขาเข้าห้องผ่าตัด สักพักนึงลูกโทรมาบอกว่า "แม่น้องไปแล้ว เขาสวย เขามีปลอกคอ เขาแค่หลงทาง ตัวเขาสกปรกมาก เหม็น" เขาร้องไห้ เขาถามว่า "แม่...ลูกบาปไหม" เราบอก "ไม่บาปลูก แม่ว่านะ เขามาแทนลูก ตอนนั้นรถแล่นมาข้างหลังใช่ไหม ถ้าลูกลงก่อนแล้วอุ้มพี่ลัคกี้อาจจะโดนกันทั้งคู่ก็ได้ ถ้าในมุมดีเขาคงเป็นพี่ชายหนูมั้ง แล้วมาให้หนู" ก็อธิษฐานจิตขอบคุณพระบิดา ก็ทำพิธีเผาให้ แล้วก็ไปลอยอังคาร

 

เขาน่ารักค่ะ พี่ว่าความอ่อนโยนต้องมี ต้องปลูกฝังนะคะ คนเราจะดียังไงก็ตามถ้ามีความเมตตานะลูก คนเราชั่วไม่เป็นหรอกลูก “เมตตา” เมตตาอย่างเดียว เพราะฉะนั้นเวลาที่เพลงบอกว่า พ่อจ๋า เพลงเอาไปเลี้ยงได้อีกไหม ก็ทั้งตึกนั่นแหละค่ะ พนักงานก็เลี้ยงกันไปด้วย ผู้ชายคนนี้ (คุณเอ๋) ก็ดีอย่างนี้ไงสำหรับในใจฉัน เขารักลูก เขาอ่อนโยน เขาเมตตา จะกลับมาบ้านบอก "แม่ ๆ เดี๋ยวพ่อจับเต่าก่อนนะ ทางด่วนมอร์เตอร์เวย์นะ" "แล้วมาปล่อยไหน" "ก็ที่บึงบ้านเราไง" ดีใจมากเหมือนเด็กนี่แหละค่ะ ลูกก็ได้จากตรงนี้ ความอ่อนโยนจะปลูกฝัง คุณจะเป็นนักการเมืองจะเป็นใครก็ตามคุณต้องมี 

 

พี่บอกคำหนึ่งเลยว่า ดนตรีสอนให้เรามีความอ่อนโยน ดนตรีหรือศาสตร์ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรื่อง art ศิลปะ คุณจะเป็นนักวาดรูป จะเป็นนักถ่ายภาพ อะไรก็ตาม แต่ถ้าไม่มี art อยู่ในตัว มันก็ไม่ออกมาเป็นแบบนี้ ศิลปะปลูกฝังให้เราอ่อนโยน สิ่งที่เราได้มา มุมมองที่เรามองโลกสวยงามก็ยังดีเพราะเราไม่ทำร้ายใคร ในโลกที่เราบ่มเรียน แล้วเราจำจากสิ่งดี ๆ ที่คนสอนเรา เหมือนเราเปิดสมุดหน้าดี ๆ ใน chapter นั้น สิ่งนั้นจะบอกเราเองว่าเราควรจะยืนตรงจุดไหนที่มี safe zone ให้เรายืนบนโลกนี้ได้นะลูก เพื่อนที่ดูแลเราดีที่สุดไม่ต้องไปเรียกหาใครหรอกลูก ตัวเรานี่แหละ

 

 

Host: พี่ก็ดูปล่อยมากนะคะให้เขาเรียนรู้ ไม่บังคับ

 

คุณแม่ตู่: เวลาปล่อยก็ปล่อยนะคะ พี่ก็สุดเหมือนกันค่ะ อย่างที่ลูกขอไปอยู่คอนโดนะคะ ก็คือว่าพอล้างจานแป๊ปนึง เขาหันมาดูช้อนส้อม "อ้าวแม่ล้างสะอาดแล้วหรือ" ก็แบบ...ไม่กล้าล้างเลย เขาก็บอกว่า "จริง ๆ I ก็สะอาดนะ ก็ติดนิสัย You ไปบ้างแล้ว แต่ว่า You อยู่แล้วลำบากอะ You คอยดูนะถ้า 60 แล้วยังไม่เปลี่ยนเรื่องนี้นะ I จะไปอยู่คอนโดแล้วไม่กลับมาหา You เลย เพระช่วงที่ I กลับมาช่วง COVID นี่นะ You เป็นมากกว่าเก่านะ" (หัวเราะ) ก็ฉันมีความสุขของฉันแบบนี้อะ วันไหนคนเดินในบ้านเยอะ ๆ นี่พี่หงุดหงิดนะ นั่งเก้าอี้สกปรกนี่ก็ต้องไปเช็ด เพลงบอกว่าถ้าหนักกว่านี้จะเอายายไปอยู่ด้วย "ถ้า You ไม่ให้ยายเก็บหนังสติ๊กกับกล่องพลาสติกนะ เรื่องแค่นี้ทำไมอะ เขาก็เรียงสวยแล้วจะไปยุ่งอะไร แล้วเขาก็จะเอาไปให้พี่สาว" อ้าวก็ฉันไม่ชอบอะ แต่รักแม่นะ นี่ก็อธิษฐานไถ่บาปกับพระบิดาทุกคืน พระบิดาคงเบื่อจังเลยไถ่บาปคำเดิม ๆ ทุกคืน เรื่องหนังสติ๊กกับกล่องพลาสติก (หัวเราะ) เรื่องอื่นมีบ้างไหม 

 

พอลูกกลับมาวางของ วางเสื่อโยคะ พี่ก็เก็บเข้าตู้หมดเลย ลูกหันมาอีกทีอ้าวหายหมด ลูกบอก "ก็ I จะวางตรงนี้ นี่มันห้องนอน I แล้วแม่จะยุ่งอะไร Mum, stop!" เขาก็โมโหจริง ๆ นะ "You เป็นแบบนี้ใครก็อยู่กับ You ไม่ได้หรอก Dad ก็อยู่ไม่ได้ เพราะอย่างนี้ I ไม่สงสัยหรอก" (หัวเราะ) อ้าว!! นี่ท้าวไปนานเลยนะเพลง เดี๋ยว ๆ นะ พูดถึงพ่อน้องเพลงเดี๋ยวจะหมั่นไส้อีก 

 

ฉันเห็นเธอขับเรือกัน พี่ก็อิจฉาอะเพราะเราไม่เล่นไง ปกติเรานั่งเรือได้นะแต่นี่กระดูกคอแตกไงนั่งเรือเร็วก็ไม่ได้ไง เพลงเลยบอกแม่ "sixty years old, change please! for me, Mum เพราะ I เข้าใจ You และยังต้องอยู่เถียงกับ You อีกนาน แต่ยายคงอีกไม่กี่ปี" ก็ Ok.

 

 

 

 

 

 

 

ผู้ดำเนินรายการ:  คุณแม่ตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย / สุรางคณา สุนทรพนาเวศ

บรรณาธิการ:  นันทิญา จิตตโสภาวดี

กองบรรณาธิการ: นมิดา แพ่งสภา, ปัณณธร ใสแสง, รุจา สุขพัฒน์, นีรชา คัมภิรานนท์, สุสมา สุขพัฒน์

ศิลปกรรม:  ฐานิสร์  ริ้วสุวรรณ, เอกชัย เธียรสรรชัย
นักออกแบบเสียง:  ธัญธนวรัท  ชนกชัด

ฝ่ายผลิต: ชลธิศ กรดี

ที่ปรึกษา:  วันชัย  บุญประชา, ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

สนับสนุนโดย  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

 

 

 

OTHER