พลิกแฟ้มคดีปวดใจ EP.01 การจดทะเบียนรับรองบุตร
พลิกแฟ้มคดีปวดใจ EP.01 การจดทะเบียนรับรองบุตร
ลำดับแรกนี้ ขออธิบายคำจำกัดความของ "กฎหมายครอบครัว" เสียก่อน ว่าได้เริ่มต้นตั้งแต่พิธีหมั้น ที่มีการทำพิธี รวมถึงสินสอดทองหมั้น หากหลังจากนั้นมีเหตุให้ต้องแยกทางกัน หากฝ่ายหญิงถูก สามารถริบสินสอดทองหมั้นได้ แต่กลับกัน หากฝ่ายชายเป็นฝ่ายถูกก็สามารถเรียกสินสอดคืนได้เช่นเดียวกัน
ส่วนเรื่อง “การสมรส” นั้น ตามหลักกฎหมายที่รับรองและคุ้มครอง คือ จดทะเบียนสมรส ถ้าหากไม่ได้ไปจด สิทธิและหน้าที่จะมีความต่างกันอย่างมาก แต่หากแต่งงานไปสักระยะ และมีการจดทะเบียนสมรสตอนหลัง ก็มีผลย้อนหลังเช่นกัน
สำหรับ "การจดทะเบียนรับรองบุตร" นั้นสามารถทำได้ เช่น อยู่ด้วยกันมานานแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสแล้วเกิดมีบุตรด้วยกัน และ ภายหลังได้มีการไปจดทะเบียนสมรสแล้ว ให้ถือว่าบุตร เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้เป็นพ่อตั้งแต่เกิดทันที แม้ว่าลูกจะมีอายุ 10 ขวบแล้วก็ตาม
กรณีที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสแล้วมีบุตรด้วยกัน บุตรจะเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้เป็นแม่เสมอ และบุตรก็จะกลายเป็น บุตรนอกกฎหมาย หรือ บุตรนอกสมรสของผู้เป็นพ่อ แต่เมื่อไรก็ตามหากมีการจดทะเบียนสมรสแล้ว พ่อกับแม่ก็จะมีอำนาจปกครองบุตรร่วมกันโดยชอบด้วยกฎหมายทันที (เหมือนที่ได้อธิบายตอนต้นว่า มีผลย้อนหลัง)
ความสำคัญของอำนาจปกครองบุตร
เริ่มต้นจาก
1. กำหนดถิ่นที่อยู่ของบุตร
2.ดูแลเรื่องทรัพย์สินของบุตร
กรณีที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่ผู้เป็นพ่อมีความต้องการที่จะทำตัวเป็นพ่อโดยชอบด้วยกฎหมาย สามารถที่จะไปเยี่ยมเยียนบุตรได้ตามสมควรอยู่แล้ว ประเด็นสำคัญที่เราจะพูดถึงวันนี้คือ "การจดทะเบียนรับรองบุตร"
การรับรองบุตร มี 2 อย่าง คือ ทางพฤตินัย และ นิตินัย การที่มีชื่อเป็นบิดาอยู่ในใบเกิดของเด็กถือเป็นการรับรองทางพฤตินัย รวมทั้งการแสดงออกให้สังคมรับรู้ เช่น การจูงมือพาลูกเข้าโรงเรียน หรือ การแนะนำตนว่าเป็นพ่อเป็นลูกต่อคนอื่นๆ บุตรก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับมรดกของบิดาได้ แม้บิดาและมารดาไม่ได้มีการจดทะเบียนสมรส
แต่ในทางกลับกันหากบุตรเสียชีวิต ทรัพย์สิน หรือ มรดก ของบุตรก็จะตกเป็นของมารดาเท่านั้น บิดาไม่มีสิทธิ์
กฎหมายกำหนดหน้าที่ของ “พ่อและแม่” อย่างไร
สำหรับพ่อแม่ที่จดทะเบียนสมรสแล้วมีบุตรด้วยกัน นอกจากอำนาจปกครองแล้ว กฎหมายก็กำหนดหน้าที่ของผู้เป็นพ่อและแม่ คือจะต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรจนบรรลุนิติภาวะ และ ในกรณีที่บรรลุนิติภาวะแล้วก็ตาม แต่เป็นบุคคลทุพพลภาพไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ผู้เป็นพ่อและแม่ที่ชอบโดยกฎหมายก็ต้องดูแลตลอดไปตามหน้าที่
ส่วนกรณีที่พ่อและแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ผู้เป็นพ่อจะกลายเป็นผู้ไม่มีหน้าที่ หากต้องการอำนาจในการดูแล ต้องไปเป็นพ่อโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือ ผู้ที่เป็นแม่อาจร้องขอให้มีการแสดงว่าผู้ชายคนนี้คือพ่อของเด็กซึ่งเป็นลูกของตัวเองก็ทำได้ รวมทั้ง ลูกก็สามารถไปร้องขอพนักงานอัยการช่วยดำเนินเรื่องให้ เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้เป็นพ่อโดยชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงจะมีกระบวนการพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามที่ร้องกันมาว่าเป็นพ่อลูกกันจริงหรือไม่ และ จะจบด้วยการให้ไปจดทะเบียนรับรองบุตร
การจดทะเบียนรับรองบุตรโดยสันติวิธีคืออะไร
พ่อและแม่ตกลงกันได้ รวมถึงตัวเด็กที่มีอายุพอจะสามารถแสดงเจตนาได้ หรืออายุ 10 ขวบขึ้นไป และ การจดทะเบียนรับรองบุตรต้องให้ มารดาและเด็กให้ความยินยอมด้วยว่าผู้ชายคนนี้คือพ่อ จึงจะสามารถจดทะเบียนรับรองบุตรได้ และ ถ้าเกิดติดขัดก็สามารถร้องต่อศาลฯ เพื่อให้มีคำสั่งจดทะเบียนรับรองบุตรได้
ถ้าผู้เป็นพ่อไม่สะดวกจดทะเบียนรับรองบุตร หลายท่านอาจคิดว่าการตรวจ DNA เพื่อพิสูจน์ความเป็นจริงทางนิติวิทยาศาสตร์ถึงจะเป็นหลักฐานเพียงชิ้นเดียว แต่ความเป็นจริงแล้ว พยานแวดล้อมก็เป็นหลักฐานได้ เช่น การจัดพิธีแต่งงาน แขกในงานก็สามารถเป็นพยานแวดล้อมที่ใช้สืบพยานได้ว่า ผู้ชายคนนี้เป็นพ่อของเด็กจริง ซึ่งไม่จำเป็นต้องตรวจ DNA เสมอไป
ซึ่งในข้อนี้จะตอบคำถามที่เป็นคดีปวดใจของเราว่า ในทางกลับกันเมื่อผู้เป็นพ่ออยากจดทะเบียนรับรองบุตร แต่ผู้เป็นแม่ไม่ยินยอม ก็คือต้องไปร้องศาลฯ เช่นเดียวกัน ร่วมถึงการแสดงตัวตนว่าเป็นพ่อของเด็ก และ ใช้พยานหลักฐานที่มีอยู่ประมวลได้
ซึ่งในหลักการนั้น ศาลฯ มักจะเห็นแกสวัสดิภาพของเด็ก โดยเอาประโยชน์ของเด็กเป็นที่ตั้ง ดูจากความสามารถในการอุปการะเลี้ยงดูครอบครัวและมาแสดงตนว่าจะเป็นบิดาเพื่อจะจดทะเบียนรับรองบุตร
กรณีตัวอย่าง
เด็กที่อยู่ต่างจังหวัดพ่อแม่เลิกรากัน ญาติเป็นผู้ดูแล เมื่อมีปัญหาว่าเด็กถึงเกณฑ์ที่ต้องเข้าโรงเรียนแต่ผู้เป็นพ่อและแม่ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสเลิกรากันไป ไม่สามารถเดินทางมาเซ็นเอกสารยินยอมให้ผู้เป็นบุตรได้
ทางออกคือ ต้องให้เด็กเข้าไปอยู่ในสถานสงเคราะห์เป็นการชั่วคราว และผู้อำนวยการสถานสงเคราะห์แห่งนั้นจะมีอำนาจเป็นผู้ปกครองแทนพ่อและแม่ของเด็ก รวมถึงมีอำนาจในการให้เด็กเข้าเรียนหนังสือด้วย หลังจากนั้นญาติผู้ดูแลเด็ก เช่น ลุง ป้า จึงจะสามารถรับเด็กกลับมาเลี้ยงดูได้
ผู้ดำเนินรายการ: อ.ชัยยง อัชฌานนท์ อดีตกรรมการสภาทนายความ และ คุณนฤมล พุกยม
บรรณาธิการ: นันทิญา จิตตโสภาวดี
กองบรรณาธิการ: นมิดา แพ่งสภา, ปัณณธร ใสแสง, รุจา สุขพัฒน์, นีรชา คัมภิรานนท์, สุสมา สุขพัฒน์
ถอดเทปเสียง: เจษฎา สดครั่ง
ศิลปกรรม: ฐานิสร์ ริ้วสุวรรณ, เอกชัย เธียรสรรชัย
นักออกแบบเสียง: ธัญธนวรัท ชนกชัด
ฝ่ายผลิต: ชลธิศ กรดี
ที่ปรึกษา: วันชัย บุญประชา, ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
OTHER
คุยกับลูกวัยรุ่น คุยยังไงก็ไม่เข้าใจ คุยแบบไหนก็ไม่รู้เรื่อง ไม่ฟังกันเลย แล้วจะทำอย่างไรให้ความสัมพันธ์นี้ไม่แย่ลง แต่กลับเข้าใจกันมากขึ้น
13 มิถุนายน 2020
ปลดล็อกกับหมอเวชอ่านอะไรดี @The Family Podcast EP18 เจิ้งเหอ 1 ติดตามอ่านอะไรดี @The Family Podcast ได้ในทุกช่องทาง FB : คนไทยหัวใจฟู YT : The Family Podcast Website : thefamily.in.th
04 กันยายน 2023
อ่านอะไรดี @The Family Podcast“ทำไมเวลาโกรธถึงต้องรู้สึกผิด?” มาทำความเข้าใจกับธรรมชาติของอารมณ์โกรธ พร้อมไขข้อสงสัยในประเด็นนี้และแนวทางในการจัดการเพื่อไม่ให้รู้สึกผิดเมื่อโกรธ ได้ใน ปลดล็อกกับหมอเวช EP.33 โกรธอย่างไรไม่ต้องรู้สึกผิด
10 ตุลาคม 2020
ปลดล็อกกับหมอเวช