ส่งต่อรักแบบแม่ EP.03 คุณแม่แก้ว (สุดารัตน์ คูกิมิยะ)

02 ตุลาคม 2020 89 ครั้ง

ส่งต่อรักแบบแม่ EP.03 คุณแม่แก้ว (สุดารัตน์ คูกิมิยะ)

“อยากขอบคุณในสิ่งที่เขาได้แสดงออกในความเป็นตัวของตัวเอง สิ่งที่เขาเก็บเกี่ยวมาจากแม่จากครูบาอาจารย์ คนรอบข้าง จากผู้ให้โอกาส หรือจากสถานที่ เป็นประสบการณ์หล่อหลอมตัวเขาให้เกิดมาเป็น ณเดชย์ คูกิมยะ ณ วันนี้อยากขอบคุณลูก ลูกทำดีที่สุดแล้ว แม่ภูมิใจมาก ๆ แม่รักลูกมากนะครับ รวมถึงปะป๊าด้วย รักลูกที่สุดในจักรวาลเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ตราบเท่าลมหายใจของแม่” ติดตามการเพียรปลูกฝังเรื่องความดีงามให้แก่ลูกของ "แม่แก้ว สุดารัตน์ คูกิมิยะ" (คุณแม่ของณเดชน์ คูกิมิยะ) ได้ใน ส่งต่อรักแบบแม่ EP.03

 

Host: อยากถามแม่ค่ะ ว่าทำไมแม่ถึงตัดสินใจให้ลูกเข้าวงการคะตอนนั้น

 

คุณแม่แก้ว: พี่เอไปถึงบ้าน ไปหาที่บ้าน ก็ถามน้อง น้องบอกว่าอยากลองดู อยากเรียนรู้ดูว่าวงการนี้เป็นยังไง แม่ก็เลยคุยกับน้องว่าถ้าลูกมีความอยาก ลูกเลือก ก็โอเค แต่พอลูกเลือกแล้ว คำว่าลองมันไม่ใช่นะ ถ้าเราเลือกเราต้องทำ นี่มันชีวิตจริงเราจะลองไม่ได้ ถ้าเราคิดว่าเราอยาก เราเอาความอยากนำเราแล้ว เราต้องทำอย่างไรกับความอยากให้มันเกิดประโยชน์ไม่ใช่เกิดโทษ ให้เป็นประโยชน์ต่อเราและเขาด้วย เขาให้โอกาส ประโยชน์ต่อผู้ให้โอกาส

 

Host: แล้วน้องว่าไงคะ

 

คุณแม่แก้ว: น้องบอกครับ พร้อมปฎิบัติครับผม

 

Host: น่ารักเนอะ เขามีเถียงแม่บ้างไหมคะ

 

คุณแม่แก้ว: ก็มีบ้างนะ ในส่วนที่เป็นเหตุเป็นผลในความคิดที่แตกต่าง แต่มันอันเดียวกันแม่ก็ยอม ปรบมือให้ เขาจะได้มั่นใจและได้รู้สึกว่าสิ่งที่เขาถ่ายทอดออกมาเป็นเรื่องจริงและผู้ใหญ่อย่างแม่ยอมรับ แม่เรายอมรับ ต้องให้โอกาสเขานะ อย่าไปกลัวลูกเหลิง แม่ไม่เคยกลัวลูกเหลิงหรือกลัวคำชม คำที่ให้ในสิ่งที่เสนาะหู มันเจริญตาเจริญใจของเรา เพราะเขาได้ยินคำชมจากแม่ แต่คำชมจากแม่ก็เป็นคำที่ทำได้จริง เป็นความจริงเช่นกัน ชมจริง ๆ ว่าสิ่งที่ทำนั้นดีแล้ว มันยิ่งสร้างความเชื่อมั่นขึ้นไปอีกผ่านกิจกรรมการถ่ายทอดการแสดงออกของเรา

 

ถ้าเราทำแค่ 100 ถ้าทุกคนทำแค่ 100 มันก็ไม่แตกต่าง ถ้าทำมากกว่า 100 ไม่สนใจ ทำเพราะความชอบ ทำเต็มที่ มันย่อมเห็นความแตกต่างทันที ไม่ใช่กว่าจะเห็นแต่มันเป็นทันที เพราะฉะนั้นเราต้องเอาใจนำ เพราะความอยากมันเกิดขึ้นที่ใจ เราเอาใจตัดสิน เราก็ต้องทำความอยากให้เกิดประโยชน์ ทำอะไรก็ต้องทำให้เต็มที่ ทำเล่น ๆ ไม่ทำ ถึงแม้ว่าจะเป็นงานฟรีหรืองานได้ตังค์ก็เสมอกันหมด แต่งานเช่นมีการขอเพิ่มนู่นนี่ หรือมีการอยากทำให้จริง ๆ เขาก็จะเต็มที่สุด ๆ งานบุญก็เต็มที่ไม่ใช่ว่างานบุญแล้วกั๊ก ๆ นะ มันไม่ใช่อยู่ที่เงินแต่อยู่ที่หัวใจความตั้งใจ

 

Host: พอน้องเริ่มดัง มีช่วงที่หลงใหล หลงระเริงบ้างไหมคะ หรือว่าแม่มีมุมมองสอนเขาอย่างไร

 

คุณแม่แก้ว: อันนี้แม่ว่ามันเป็นธรรมชาติของวัย หลงใหลไม่มี การทำได้เนี่ยมีในสิ่งที่ควรทำในวัย เพราะงั้นก็จะไม่มีประสบการณ์ เพื่อที่จะเอาสิ่งที่มีเหล่านี้ไปเป็นประสบการณ์ ดี ไม่ดี เราเลือกได้เลือกที่จะทำได้ด้วยตัวเราเองว่าอันไหนมันเหมาะกับเวลานั้นกับสิ่งนั้น เพราะฉะนั้นเราก็ต้องอยู่เป็น เรามีสังคม สังคมเพื่อนฝูง สังคมในการทำงาน สังคมผู้ใหญ่เมตตาไปกับผู้หลักผู้ใหญ่เราควรอยู่อย่างไร น้องก็จะเป็น อันนี้ไม่ต้องสอนเพราะเขาชินมาตั้งแต่เด็ก

 

Host: แม่เริ่มมาอยู่กรุงเทพฯ เมื่อไหร่คะ มาดูแลน้องเมื่อไหร่คะ

 

คุณแม่แก้ว: ปกติแม่ก็พาน้องมานะ มาพักอยู่บ้านพี่เออยู่แล้ว ในส่วนที่ดูแลลูกพี่เอเขาให้อยู่ห้องหนึ่ง แม่ลูกไม่เคยห่างกัน แต่พอน้องทำงานที่เราไม่ได้อยู่เพราะแม่ก็มีงานของแม่ด้วย ก็ฝากกับพี่เอ ฝากกับพี่ ๆ ให้ช่วยดูแลให้ ก็โอเค

 

Host: อยากถามแม่ค่ะว่าทำไมแม่ถึงตัดสินใจให้ลูกเข้าวงการคะตอนนั้น เป็นห่วงไหมคะพออยู่ห่างกันแม่ลูก

 

คุณแม่แก้ว: ถามว่าเป็นห่วงไหม โอ๊ย...แทบขาดใจ แต่ก็ต้องทำใจร่ม ๆ วันหนึ่งคิดถึงลูกมากเลยจะทำไง ก็บอกพ่อครับแม่จะไปหานะครับ เขาก็ถามแม่จะมายังไง แม่ไปเครื่องแล้วนัดกับปะป๊าไว้ด้วยแล้วจะไปหาลูกก่อน ได้ครับ ๆ ลูกนอนอยู่ก็ไม่กล้าขึ้นไปปลุก พอมองเห็นผ้าโสร่ง เอ๊! ทำไมเหมือนของลูกฉันจังนะอยู่ใต้ซอกโซฟา เอ๊..ใช่หรือไม่ใช่ พิสูจน์ดู ก็เลยดึงออกมา อ้าวมันผ้าโสร่งลูกฉันนี่หว่า (หัวเราะ) คือเขาได้อิสระไงซึ่งไม่เคยได้ พอได้อิสระก็เลยมองซ้ายมองขวาก็ยัด ๆ ไว้ ไม่พับเก็บ เพราะบ้านตัวเองเป็นระเบียบหมด แม่ก็ขึ้นไปเคาะประตูห้องถือผ้าโสร่งแข็ง ๆ ไป กี่วันแล้วก็ไม่รู้

 

“เปิดประตูเข้ามาเลยครับ” แม่ก็เอาผ้าโสร่งให้ดู (หัวเราะ) เขาก็หัวเราะ “ครับ ๆ” ก็เลยบอกว่า ลูกก็ได้อยู่แบบเด็กผู้ชาย อยู่แต่กับผู้ชาย ๆ เพราะอยู่บ้านอยู่กับผู้หญิงเรียบร้อยไง ก็ต้องเรียบร้อยพับผ้า จนเพื่อนลูก ผู้หญิงไปที่ห้อง ไปเล่นเกมกันที่ห้อง แม่เขาก็ไปที่ห้อง ทำไมมันเรียบร้อยไปหมดเลยในห้อง พอเปิดตู้เสื้อผ้าไป พูดแบบภาษาอีสาน “ป๊าดดดด แบรี่” ก็เรียกลูกมาเด็กหญิงทั้งหลายดูสิ (หัวเราะ) เขาก็มีทั้งสองส่วน แม่ก็เลยบอกลูกว่า นี่แหละธรรมชาติของคนจริง ๆ อะพ่อ แต่อย่าลืมเรานะ นี่แหละคือสิ่งที่แม่สอนเขามาว่าอย่าลืมวิถีของตัวเอง เรามาอย่างไรเราก็อยู่อย่างนั้น อย่าลืมวิถีของเรา ของครอบครัวเรา โดยเฉพาะวิถีของหัวใจของเราเอง

 

Host: ถ้าถามแม่ว่าแม่รักลูกแค่ไหน แม่เล่าให้ฟังหน่อยสิคะ

 

คุณแม่แก้ว: รักเท่าลมหายใจของเราเลย เพราะมันชื่นใจอะ เหมือนเราได้สูดลมหายใจแบบชื่นใจเต็มปอด เห็นหน้าลูกแม่ก็ชื่นใจ แค่ได้ยินชื่อลูกก็ชื่นใจ ได้ยินเสียง เวลามากอดนี่ไม่อยากจะปล่อยมือเลย รักแค่ไหนแม่ก็ไม่รู้ แล้วแม่ก็ได้กลั่นกรองผ่านอักษรมาเป็น “ณเดชน์ในดวงใจ” หนังสือที่แม่เขียนเองกับมือ เก็บเล็กผสมน้อย เขียนทุกวัน วันละนิดละหน่อย 2-3 บรรทัด

 

Host: แม่นี่ไม่ธรรมดาเลยนะ ในหนังสือเล่มนี้มีอะไรบ้างคะ

 

คุณแม่แก้ว: ความเป็นณเดชน์ในหัวใจแม่อยู่ในนี้หมดเลย

 

Host: เล่าให้ฟังสักนิดได้ไหมคะ ที่แม่เขียนถึงณเดชน์ อยากให้คนรู้จักเขาในมุมไหนบ้าง

 

คุณแม่แก้ว: นี่เป็นมุมมองของความรักระหว่างแม่ลูกที่แม่เห็นการเติบโตของเขา ไม่ว่าจะอิริยาบถไหน ตั้งแต่เล็ก ๆ จนกระทั่งถึงเข้ามหาวิทยาลัย เข้าวงการ แม้กระทั่งการเลี้ยงดู กิจกรรมที่เขาทำก็อยู่ในนี้หมด แล้วก็สอดแทรกในเรื่องธรรมะที่เราได้จากครูบาอาจารย์ จากพระอริยสงฆ์ จากสิ่งที่เราได้รับมา 

 

เช่น หลวงพ่อคูณ ไม่เคยเห็น ไม่เคยเจอท่านเลย เคยได้ยินแต่กิตติศัพท์ว่าท่านศักดิ์สิทธิ์มากและเก่งมาก ถ้าใครไปทำบุญกับท่านต้องเรียงธนบัตรเอาไว้ ท่านจะหยิบใบที่น้อยที่สุด แม่ก็คุยกับลูก ลูกบอกว่า “คุณแม่หลวงพ่อท่านศักดิ์สิทธิ์มากนะ คุณแม่ต้องเรียงธนบัตรด้วยแล้วเราไปขอพรที่ห้องพระกันนะ” ก็พากันไปขอพรตอนกลางคืน “กราบพระอริยสงฆ์หลวงพ่อคูณเจ้าค่ะ ”พรุ่งนี้ข้าพเจ้าขอน้อมถวายปัจจัย 1,000 บาท ถวายท่านเพื่อเป็นพุทธบูชาแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า” แม่ตั้งจิตไว้ ลูกณเดชน์ถวาย 500 บาท “แบรี่ขอ 500 หรือ 50 บาทแม่” ก็แล้วแต่ “งั้นเอา 500 จะได้ 555” เขาก็อธิษฐาน 

 

รุ่งเช้าก็ไปตั้งแต่ 6 โมง คิวก็จะยาวหน่อย เพื่อนก็ให้นั่งลำดับ 2 แต่พอหลวงพ่อคูณเดินมาทางด้านหน้า คนก็บอกให้ร่นมาก็ไปอยู่ลำดับ 5 ปรากฎว่าคนที่ลำดับ 1 2 3 4 เขาให้ถอยไปอยู่ข้างหลังเหลือแม่กับน้องเป็นลำดับที่ 1 เลยทีนี้ ท่านก็เดินมา ก็ตบ ๆ หัวน้อง “ลูกนี่มึงอย่าดื้อ” (หัวเราะ) น้องก็บอก “ครับ ๆ ไม่ดื้อครับ” ก้มลงกราบ ๆ ได้ยินแต่เสียงเล็ก ๆ ตอนนั้น 4 ขวบเอง ท่านก็ถามว่า นี่คุณแม่ใช่ไหม แม่ก็บอก เจ้าค่ะ ไหนกระเป๋าตังค์ ท่านเหยียบให้ บัตรประชาชนก็ควักใหญ่เลย ท่านก็เมตตา กราบท่านเสร็จแล้วก็ชูปัจจัย ขอน้อมกราบถวายเจ้าค่ะ ท่านหยิบแบงค์ 1,000 น้ำตาแม่แก้วไหลเลย แล้วหยิบ 500 ของลูก ท่านรู้ แล้วลูกก็บอกว่า “หลวงพ่อครับขอ 50 บาท ถวาย เดี๋ยวที่เหลือจะเก็บไว้ใส่กระเป๋า” 

 

แม่แก้วไม่เคยเจอหลวงพ่อคูณ เจอครั้งนั้นเป็นอะไรที่รู้สึกโล่ง โปร่ง เย็น ที่แม่ตั้งจิตอธิษฐานแล้วอยากจะถวายท่านสำเร็จผล แม่ก็เลยคิดว่า ชีวิตเราต่อไปเราต้องเป็นคนที่มีสัจจะวาจา กลับไปถึงบ้านดีใจแม่ลูกกอดกัน แบรี่บอกว่า “สุดยอดหลวงพ่อ ๆ” กราบทุกวันที่ห้องพระก็มีรูปบูชาท่าน ธนบัตรก็มีคนเอามาให้ แล้วก็มีหลวงปู่ทองใบ ไปกราบที่วัดนาหลวง ก็มีในหนังสือเล่มนี้ สอดแทรกเรื่องการยอมการไม่ยอม

 

Host: ชอบอันนี้อะ “รักแม่เท่าฟ้า” เขาพูดถึงอะไรคะ

 

คุณแม่แก้ว: ลูกเป็นคนพูดค่ะ “รักแม่เท่าฟ้า” เป็นเรื่องเกี่ยวกับความดีของแม่ที่มีต่อเขา ความประทับใจที่เขามีกับแม่ ซึ่งก็ต้องไปอ่านดู แล้วก็สอดแทรกเรื่องการยอมและไม่ยอม ถ้าเรายอมแล้วดีเราควรยอม แต่ถ้าเรายอมแล้วไม่ดี เราไม่ควรยอม ต้องดูที่เหตุและผล การยอมมันก็เป็นสิ่งที่อยู่ในใจเราอยู่แล้ว ยอม ๆ เพื่อเกิดสิ่งที่ดีเราก็ยอม ทั้งที่บางทีมันอาจจะไม่ถูกในส่วนของเราแต่กับหลาย ๆ คนมันน่าจะดีกว่ากัน เพื่อส่วนรวม เช่น ยอมเหนื่อย สละปัจจัย ทำบุญ สละเวลา เพราะการทำบุญ คือการเสียสละ ไม่ว่าจะเสียสละทรัพย์ เสียสละเวลา เสียสละความรัก ความสุขส่วนตัว ความตระหนี่ขี้เหนียวทั้งหลาย อะไรที่เป็นส่วนตัว ความมีความเป็นทั้งหลายที่เราครอบครองอยู่ แล้วก็เสียสละแบ่งปันโดยที่เราเต็มใจและปรารถนาที่จะทำ

 

Host: แม่มีอะไรจะบอกน้องไหมคะ

 

คุณแม่แก้ว: อยากบอกน้องให้รักษาสุขภาพ เพราะแม่เป็นห่วงเรื่องสุขภาพ ส่วนอื่นน้องก็จัดสรรและก็อยู่เป็นด้วยตัวของน้องอยู่แล้ว แม่ก็ไม่ห่วงอะไร เรื่องงานเรื่องอะไรเขาก็จะมีความสามารถเฉพาะตัวได้ดีเยี่ยมสำหรับแม่แล้ว เป็นเทวดาน้อยของแม่ก็ยังคงเป็นเทวดาน้อยของแม่อยู่ แม่ก็ภูมิใจและก็อยากจะให้ลูกดูแลสุขภาพของลูกให้ดี เพราะประโยชน์มันมากมายในลมหายใจที่มีอยู่ การที่เราจะทำอะไรมากมายให้กับตัวเอง ให้กับสังคมที่มีอยู่ มันมากมายลูกมีโอกาสทำอีกมาก ตอนนี้ลูกอายุแค่ 28 เอง เพราะฉะนั้นเราต้องรักษาสังขารร่างกายเราให้เกิดประโยชน์ ให้แข็งแรง แล้วสิ่งดี ๆ ก็จะเปิดโอกาสให้ทำไม่มีวันสิ้นสุด

 

Host: เห็นแม่บอกว่าไม่มีอะไรจะขอโทษลูก แต่อยากขอบคุณ

 

คุณแม่แก้ว: อยากขอบคุณในสิ่งที่เขาได้แสดงออกในความเป็นตัวของตัวเอง ว่าประสบการณ์ตั้งแต่เล็ก ๆ ที่เขาได้เก็บเกี่ยวมาจากพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ คนรอบข้าง ผู้ให้โอกาสหรือสถานที่วัดวา โรงเรียน หรือสถานที่ที่ยังไม่เจริญ เป็นประสบการณ์ที่หล่อหลอมมาให้เกิดเป็น ณเดชน์ คูกิมิยะ ณ วันนี้ ก็อยากขอบคุณลูก ลูกทำดีที่สุดแล้วสำหรับแม่ แม่ก็ภูมิใจมาก ๆ เลย แม่รักลูกมาก ๆ นะครับ รวมถึงปะป๊าด้วย รักลูกที่สุดในจักรวาลเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ตราบเท่าลมหายใจของแม่

 

Host: ถ้าแม่ขอพระได้ 1 ข้อ จากพระพุทธเจ้าให้ลูก แม่อยากจะขออะไรให้ลูกคะ

 

คุณแม่แก้ว: แม่จะขอพระให้ลูกของแม่เป็นผู้ไม่ประมาทในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินชีวิต การกระทำ หรือความดีทั้งหลาย เราถือว่าเราอยู่แบบผู้ไม่ประมาท เราถึงจะสร้างสิ่งที่ดีได้ ความสำเร็จนั้นมันก็ย่อมเกิดแก่ตัวเราเอง เพราะฉะนั้น ก็อยากให้ลูก สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือพรมงคลทั้งหลาย ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า ได้โปรดอภิบาลประทานพรให้ลูกแม่ได้รับพลังแห่งความดีทั้งหลายทั้งมวล ได้สู่กายใจ ได้สานต่อสู่ประโยชน์แก่สังคมและตัวลูกเอง และเผยแผ่ให้ได้แง่คิด ได้สิ่งที่เป็นประโยชน์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วลูกก็จะอยู่กับผู้ที่ไม่ประมาทและความคุ้มครองจากพระรัตนตรัย

 

Host: สาธุ สาธุ สาธุ ท้ายที่สุดแล้วอยากให้คุณแม่แก้วฝากถึงคุณแม่คนอื่น ๆ ว่าความรักที่แม่ได้เลี้ยงลูก น้องแบรี่ จนมาถึงทุกวันนี้ เป็นที่รักของสังคม แม่อยากจะฝากหัวใจสำคัญของความเป็นแม่อย่างไรบ้าง ให้แม่คนอื่น ๆ หรือคนที่จะเป็นแม่ได้รับรู้ถึงสิ่งนี้ที่จะทำเพื่อลูก

 

คุณแม่แก้ว: ความรู้สึกก็น่าจะเหมือนคุณแม่ทุกท่านไม่แตกต่างกันมาก แต่แม่แก้วคิดว่าความเป็นธรรมชาติที่เราลืมไป นั่นแหละเป็นความรักที่บริสุทธิ์ ที่เกิดขึ้นจากความเป็นธรรมชาติ ความเป็นธรรมชาติของแม่เอง ความเป็นธรรมชาติของลูกเอง นั่นแหละเป็นความรัก รักในความเป็นตัวเขา รักในความเป็นตัวแม่ด้วย เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเกิดความสมดุล ความสมดุลมันคือความรักที่สร้างพลังงานบวก-บวก ไม่ใช่บวก-ลบ ไม่ใช่ลบ-ลบ ระหว่างแม่ลูกมันเป็นพลังงานบวกบวกบวกไม่มีวันสิ้นสุด ถึงจะห่างไกลกันแค่ไหน 

 

เพราะฉะนั้นความรู้สึกนี้ของคุณแม่ก็คงจะเหมือนกันไม่แตกต่าง แต่อาจจะแตกต่างที่การสร้างเท่านั้นเอง ว่าเราจะสร้างพลังบวกบวกบวกนี้อย่างไร ดอกไม้ในหัวใจเราคือความรัก หนึ่ง พลังงานในหัวใจเราคือความรัก สอง ธรรมะก็เป็นอาภรณ์ เป็นอาภรณ์ประดับใจเรา ประดับกายเราให้ผ่องพรรณ คนเจริญธรรมไม่มีเศร้าหมองเพราะใจผ่องกายก็ใส เป็นอย่างนั้น ต้องอยู่ให้เป็น ความรักของแม่แก้วก็เป็นประมาณนี้

 

Host: เป็นรักที่เป็นธรรมชาติ

 

คุณแม่แก้ว: รักที่เป็นธรรมชาติค่ะ จัดบ้านให้เป็นธรรมชาติเหมือนตัวเรามันจะอยู่ได้นาน ฝืนไม่ได้ค่ะ เช่นว่าเราอยากเอาน้ำไปไว้มุมไหนก็ต้องวางไว้ในมุมที่ใจเราโอเค เรารู้สึกดี รู้สึกผ่อนคลาย เพราะใจเราต้องอยู่กับความเย็นเพราะกายเราร้อนอยู่แล้ว เพราะมันมีพลังงาน ทำงานทุกวัน หายใจก็เป็นพลังงาน เราต้องรู้จักธรรมชาติของตัวเรา แล้วธรรมชาติอย่างอื่นเดี๋ยวมันก็เกิดเอง คนอื่นก็ไม่แตกต่างกับตัวเรา ทุกคนมีอสุภะเหมือนกันไม่แตกต่าง ต่างกันแค่รูปลักษณ์ข้างนอกเอง 

 

ความรู้สึก แม่แก้วมั่นใจว่าไม่แตกต่างหรอก จะต่างกันก็แค่การกระทำหรือการเก็บอะไรที่มันตรงกันข้ามที่เราได้มา ถ้าเราชินกับอะไรเราก็จะเก็บอันนั้นเข้ามา แต่ถ้าเราแยกออกว่าเราอยู่กับตรงนั้นไม่ดี แต่เราอยู่เป็นได้ ถ้าตรงนั้นมันเกิดทุกข์ เราก็ต้องอยู่เป็น อยู่กับทุกข์ได้ ต้องเข้าใจมัน อันไหนที่แก้ไม่ได้ก็วาง วางไม่ได้ก็ทิ้งไปเลย ไม่ต้องยึด (หัวเราะ) อยู่ห่าง ๆ ไปเลย 

 

เพราะฉะนั้นความทุกข์มันอยู่กับเราอยู่แล้ว หิวก็ทุกข์ นอนก็ทุกข์ อิ่มก็ทุกข์ รวยก็ทุกข์ จนก็ทุกข์ แต่ที่จะต้องแสวงคือสุข หาความสุขที่แท้จริงในใจเรา สุขเพลิน ๆ สุขในสังคม สุขทรัพย์สิน มันเป็นสุขประเดี๋ยวประด๋าว เป็นสุขประสบการณ์ สุขชั่วคราว เดี๋ยวมันก็ผ่านไป แต่สุขที่ถาวรเราต้องแสวงเอาเองว่า เราอยากจะทำอะไรที่เกิดประโยชน์ที่ใจเราเบิกบานอยู่ตลอดเวลา แม่คิดอย่างนั้น

 

Host: แม่ขา ท้ายที่สุดแล้ว ถ้ามองไปถึงอนาคตของแบรี่ แม่มองยังไงในวันที่แม่อยู่หรือไม่อยู่ก็แล้วแต่ แม่มองว่าอยากจะให้แบรี่เป็นยังไง

 

คุณแม่แก้ว: แม่ก็ไม่มีความอยากอะไรมากมายนัก เพราะโดยพื้นฐานของแม่ก็ดำเนินชีวิตไปตามปัจจุบันตามเหตุเกิดอยู่แล้ว ในส่วนที่เป็นเรื่องของลูก มันเป็นเรื่องของ หนึ่ง ลิขิต สอง การกระทำ สาม การที่เราได้มีโอกาส โอกาสที่เราจะได้ทำในสิ่งที่ดีมันต่อเนื่องไหม หรือโอกาสที่ได้รับมันพึงพอใจมันต่อเนื่องไหม แต่ถ้าสักวันใดวันหนึ่งมันไม่ต่อเนื่อง ลูกอยู่เป็นไหม รับได้ไหม แม่มั่นใจว่าน้องอยู่ได้และทำได้ แม่เลยไม่คิดเลย เพราะว่าการแสดงออกของเขาทุกวันนี้มันแสดงออกว่าเขาอยู่ได้ เขาพึ่งตนเองได้ และประมาณตนได้ หมายถึงว่ากะเกณฑ์ว่าจะทำอะไร จะทำมากหรือน้อยได้

 

Host: เขารู้จักตนเอง รู้จักธรรมะ แก่นธรรมในชีวิตแล้ว ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว

 

คุณแม่แก้ว: แม่คิดว่าเขาน่าจะเป็นผู้ไม่ประมาท

 

 

 

 

ผู้ดำเนินรายการ:  คุณแม่แก้ว สุดารัตน์ คูกิมิยะ / สุรางคณา สุนทรพนาเวศ

บรรณาธิการ:  นันทิญา จิตตโสภาวดี

กองบรรณาธิการ: นมิดา แพ่งสภา, ปัณณธร ใสแสง, รุจา สุขพัฒน์, นีรชา คัมภิรานนท์, สุสมา สุขพัฒน์

ศิลปกรรม:  ฐานิสร์  ริ้วสุวรรณ, เอกชัย เธียรสรรชัย
นักออกแบบเสียง:  ธัญธนวรัท  ชนกชัด

ฝ่ายผลิต: ชลธิศ กรดี

ที่ปรึกษา:  วันชัย  บุญประชา, ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

สนับสนุนโดย  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

 

 

 

OTHER