ส่งต่อรักแบบแม่ EP.02 คุณแม่แพม (นวลนง จามิกรณ์)

07 ตุลาคม 2020 45 ครั้ง

ส่งต่อรักแบบแม่ EP.02 คุณแม่แพม (นวลนง จามิกรณ์)

“จนถึงวันนี้แม่เหนื่อยไหม?” “อาชีพแม่เนี่ย มันมีคำนี้ไม่ได้เลยนะ แม่ต้องไม่มีคำว่าเหนื่อย ไม่มีคำว่าท้อ มีแต่จะต้องขยัน ต้องยิ้ม แล้วก็ทำยังไงก็ได้ ให้ได้อยู่กับเขาไปนานที่สุดเท่าที่เขาจะอยากให้เราอยู่ด้วย” ติดตามเรื่องราวของ "แม่แพม นวลนง จามิกรณ์" (คุณแม่ของแพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์) แม่ผู้ทุ่มเทให้ลูกทุกวินาที ได้ใน ส่งต่อรักแบบแม่ EP.02 คุณแม่แพม (นวลนง จามิกรณ์)

 

Host: ทำไมน้องแพนถึงได้เข้าวงการได้คะ แม่วางแผนไว้หรือว่าปลูกฝังอยากจะให้ลูกเป็นอย่างนั้นหรือไม่ หรือว่าเป็นไปตามโชคชะตาของน้องเอง

 

คุณแม่แพม: น้องแพนเขาเลี้ยงยากมาตั้งแต่เด็ก มีคนช่วยเลี้ยงเยอะมากจนเขาเป็นคนที่มีความไฮเปอร์ในช่วงเด็ก ๆ นะ เราก็คิดว่าตายแล้ว! ลูกคนนี้จะเดินไปในทิศทางไหน แต่พอมาตอนประถม อยู่ ๆ แพนก็กลายเป็นคนที่นิ่ง ๆ ไปซะ ซึ่งก็แปลกมาก หลังจากนั้นแพนก็เป็นคนที่มีสมาธิมากขึ้นอย่างน่าแปลกใจ แต่แพนก็ยังเป็นคนที่ไม่ได้ขยันเรียนจ๋าอะไรมาก เขาก็เรียนไปได้เรื่อย ๆ จนแม่รู้สึกว่าแพนก็ทำไปเรื่อยไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอะไรในชีวิตเลย ทำได้ทุกอย่างตามทางที่ทุกคนต้องทำ 

 

ไม่รู้ว่าในขณะที่เพื่อนวางเป้าหมายกันหมดแล้ว แต่แพนไม่มีเลย คนเป็นแม่ก็จะแอบรู้ว่าเขามีความสนใจในสิ่งไหน แต่แพนเป็นคนขี้อายมาก เขาไม่ชอบแสดงออก ไม่ชอบพูดจากับใคร งานเลี้ยงนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยแพนไม่ไป ทีนี้แม่ก็พยายามมองหาว่าสิ่งไหนที่เขาน่าจะทำได้ดี แม่ก็ให้เขาไปลองเรื่องเดินแบบเพราะเขาไม่ชอบพูด ละครอย่าได้หวังเลยคงไม่มีทางแน่นอน แต่นั่นแหละมันคงชะตาฟ้าลิขิต คงเป็นของเขา แต่แม่ก็ไม่เคยปิดกั้นโอกาสต่าง ๆ ที่เราคิดว่าเขาน่าจะทำได้

 

มีช่วงเวลาหนึ่งที่แม่คิดถึงเรื่องอาชีพทางด้านนี้ แม่คิดว่าแพนน่าจะเป็นนักกีฬาได้ดี เพราะแพนเล่นกีฬาตั้งแต่ประถม ซึ่งแม่ก็เคยคิดว่าแม่จะทำให้เขาได้เป็นนักกีฬาทีมชาติให้ได้ คือยังไงก็ตามแม่ก็จะสอนลูกเสมอว่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามลูกต้องทำให้ถึงที่สุด ยกเว้นเรื่องเรียนนะคะ เพราะแม่รู้เลยว่าในเมื่อเราเป็นอย่างนี้ พ่อแม่ไม่ได้เป็นคนขยันเรียน ไม่ได้มีวินัยในเรื่องการเรียน เพราะฉะนั้นเราก็จะไม่ไปคาดหวัง เคี่ยวเข็ญลูก เราจะไม่เป็นอย่างนั้น 

 

แต่หลายบ้านแม่ก็เห็นนะว่าเขาทำได้ แต่แม่ก็เห็นว่าเราก็ยังโตมาได้ มีความคิดที่ดีได้ในมุมอื่น ๆ นอกจากการเรียน เราก็เลยใส่ในเรื่องแบบนี้ ให้ลูกมีพัฒนาการในด้านอื่น ๆ พร้อมกัน ก็เลยหาครูมาฝึกให้แพนเป็นนักกีฬาทีมชาติ วิ่งให้ได้ แต่ก็ชะตาฟ้าลิขิตก็มีอะไรทำให้เขาพลิกผันมาในเส้นทางนี้ เวทีซุปเปอร์โมเดล 

 

แค่ว่าเราหาโอกาสให้ลูก แล้วลูกรับโอกาสนั้น ใครก็ตามนะถ้าเปิดรับโอกาสต่าง ๆ ชัยชนะมันก็มาแล้วหน่อยนึงนะ คือถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ไปถึงจุดสูงสุด แต่แค่เราได้เพิ่มการเรียนรู้อะไรในชีวิตมากขึ้น แล้วทุกอย่างมันก็จะเป็นสเต็ป ๆ ของชีวิตในเส้นทางไปเอง พอจากไทยซุปเปอร์โมเดล ก็ได้เล่นละคร จากละครก็ได้ร้องเพลง พิธีกร อะไรมากมายมันก็มาต่อตามสเต็ปของงานในวงการบันเทิง

 

ชีวิตมันต่างกันมากในชั่วพริบตาเดียวชั่วข้ามคืน แม่ก็รู้เลยว่าแม่ไม่สามารถหาใครมาดูแลแพนได้ และสิ่งหนึ่งที่แม่ตั้งใจตลอดคือเราไม่จำเป็นต้องทำเหมือนคนอื่น เพราะในยุคของแพน น้อยมากเลยที่ดาราจะมีแม่ออกมามีบทบาทมากมายในการดูแล เราไม่ได้แค่เดินตามหลังลูก แต่เราเรียกได้ว่าเป็นแถวหน้าที่มาบริหารจัดการลูกทุกอย่าง ทุกเรื่องเลย แล้วแม่ก็จะต้องทำให้คนยอมรับให้ได้กับการที่เรายืนอยู่ข้างลูกตลอดเวลา

 

 

Host: เหมือนเป็นครึ่งหนึ่งของแพน ไปกองถ่ายไหนก็มีแม่

 

คุณแม่แพม: ใช่ คิดดูสิแม่ต้องมีวิธีที่ทำยังไงให้มันเป็นจุดขายของเรา ทำยังให้เราถึงจะยืนอยู่ได้โดยที่ทุกคนไม่อึดอัด ในขณะเดียวกันแม่ก็ต้องรู้จักช่วงเวลาที่จะต้องอยู่ใกล้เขา ในช่วงแรก ๆ แพนจะไม่อยากให้แม่หายไปจากตัวเขาเลยเรียกว่าหันมาก็ต้องเห็น เข้าฉากพูดหันมาก็ต้องเจอ มันไม่ใช่ว่าเขาต้องอยู่ในมาตรการอะไรของเรานะ แต่เรารู้เลยว่าสำหรับลูกมันคือกำลังใจ เขามีเราเพียงคนเดียวที่อยู่ในใจเขา เพราะตอนนั้นแฟนก็ยังไม่มี คุณพ่อก็ทำงานไม่ได้มาด้วย 

 

คุณพ่อเองตอนนั้นก็ยังไม่ได้ยอมรับในการทำงานแบบนั้น เราเหมือนหลบ ๆ ซ่อน ๆ กันสองคนแม่ลูกนะ เพราะว่าครอบครัวเอง คุณตาคุณยายก็ไม่เข้าใจ ทุกคนกลัวสังคมรอบข้าง กลัวว่าเราสองคนแม่ลูกจะเอาตัวไม่รอด เที่ยวขับรถรอนแรมข้ามวันข้ามคืน ก็จะบอกว่าพอถึงวันนี้ เราภูมิใจกับลูกมาก ๆ เพราะในวันที่ทุกคนระแวดระวังกับเรามาก แต่เราไปกันจนสำเร็จ เพราะเราไม่ท้อและแม่ไม่กลัว สิ่งนี้มันเป็นการยืนยันกับลูกไงว่าแม่ไม่เคยท้อ

 

 

Host: อะไรที่ทำให้แม่รู้สึกแบบนั้น มุ่งมั่น และทำให้ทุกคนได้รู้ว่าน้องแพนทำได้ แม่ทำได้

 

คุณแม่แพม: มันคือความสำเร็จของลูก มันเป็นบทพิสูจน์ว่าถ้าแม่ท้อ แม่กลัว ลูกก็ไม่สำเร็จ แต่เราต้องดูตลอดว่าเขาไปได้แค่ไหน เขายังขยับต่อได้ไหม ไม่ใช่เราดันทุรังไปเรื่อย แต่เราเห็นแล้วว่าเขามีบางอย่าง เขาอยู่เฉยไม่ได้ เขาต้องทำเรื่องดี ๆ ควบคู่ไปด้วย เพราะเขาเป็นคนจิตใจดี ซึ่งเราก็ต้องปลูกฝังเรื่องนี้ไปด้วย แล้วยิ่งในยุคสมัยนั้นมันยากที่คนจะเข้าใจ เพราะสมัยนั้นเทรนด์ที่ดารามาทำความดีมันยังไม่ได้มา ที่ทำ ๆ กันก็คือทำกันเงียบ ๆ ไม่ได้ให้ใครรู้ แต่เราก็พูดมาตลอดกับลูกว่าอย่าท้อนะลูก ต้องทำเพราะบุญกุศลหนุนนำเราจริง ๆ นะ อาจจะไม่เห็นในวันนี้แต่ก็อาจจะเห็นในวันข้างหน้าก็ไม่เป็นไร ทำไปเถอะ 

 

บางครั้งก็อาจจะทำด้วยความสนุกหลายอย่าง เช่น ชวนกันพายเรือไปอยุธยาช่วงน้ำท่วมไปแจกของกัน โอ้โหมันน่ากลัวขนาดนี้เลยหรือ แต่ชาวบ้านเขาก็ชินก็ทนได้ แต่เราจะสอนลูกยังไงว่าลูกอย่ากลัวนะ ให้รู้สึกว่าสิ่งที่เราทำมันเป็นประโยชน์กับผู้อื่นถึงที่สุด ความสุขที่ลูกส่งให้เขามันที่สุดแล้ว

 

เราต้องส่งเสริมเรื่องการทำความดี แล้วคนที่มาร่วมกับเราในยุคนั้นเราจะพูดเลยว่า การสร้างคนสักคนหนึ่งให้มีจิตสำนึกในเรื่องนี้ไม่ใช่สร้างกันแค่ปีสองปี คืออยู่ ๆ จะลุกมาทำ เป็นไปไม่ได้ ต้องใช้เวลาเป็นสิบ ๆ ปี หรือปลูกฝังลูกตั้งแต่เล็ก ๆ เลย แล้วแม่ ครอบครัวก็ไม่ทิ้งเด็กนะ ก็ยังคงทำต่อเนื่องกันต่อ ๆ ไป

 

 

Host: อะไรที่ทำให้แม่หันมามองว่าน้องแพนนอกจากทำงานที่เป็นอาชีพแล้ว ลูกควรหันมาทำงานจิตอาสา

 

คุณแม่แพม: แม่คิดว่าคงเป็นที่ครอบครัวเราเองซึ่งก็ปลูกฝังในเรื่องนี้มาตลอด เราก็เห็น อย่างตัวแม่เองมีคุณพ่อก็รับราชการ ก็จะมีการทำโครงการเกี่ยวกับผู้บกพร่องทางด้านต่าง ๆ แม่ก็จะเห็นมาโดยตลอด เพียงแค่เห็นนะแต่ไม่ได้ซึมซับ แต่รับรู้ว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่การที่เราจะลงไปทำเรื่องพวกนี้ ทำอย่างไรเราไม่เข้าใจ แต่พอเรามีลูก อยู่กับลูกแบบนี้มันเป็นโอกาสดีที่เราได้พบเจอเรื่องราวต่าง ๆ แบบนี้เรื่อย ๆ นะ เพราะเราเป็นเหมือนคนสาธารณะที่อยู่ด่านหน้า 

 

คนคาดหวังให้เราไปช่วยในเรื่องต่าง ๆ มากมาย แต่ถ้าเราไม่เข้าใจเรื่องต่าง ๆ เลย เราก็อาจจะช่วยด้วยใจที่ช่วยไปส่ง ๆ ซึ่งมันไม่ได้ การทำเรื่องของจิตอาสามันต้องทำด้วยหัวใจจริง ๆ นะ ทุกอย่างมันถึงจะสัมฤทธิ์ผล 

 

อย่างเมื่อกี้ ลูกสาวคนเล็กก็ถามว่าแม่บริจาคอวัยวะแล้วหรือยัง แม่ก็เลยบอกว่าแม่ก็ยังเลย แล้วเขาบอกว่าแต่พี่แพนทำตั้งแต่วันแรกที่ไปร่วมโครงการเลยนะ มิกิเขาก็บอกว่าใจยังไม่ถึงตรงนั้น แม่ก็บอกว่าไม่เป็นไรลูก เดี๋ยวค่อยก็ได้ แต่แม่เองก็ต้องทำแล้ว เพราะเราไปกับแพน เขาก็ไม่รีบรอเลยที่จะทำ ไม่ได้มีใครมาบังคับเขา เขาตัดสินใจเองเลย

 

 

Host: ต้องชื่นชมแม่มาก ๆ ตั้งแต่ที่รู้จักแม่มาเป็นสิบปี แม่ปลูกฝังน้องแพนเปลี่ยนไปเยอะมาก ๆ จากวันนั้นถึงวันนี้ อย่างแรก ๆ เขาก็ดูเหมือนทำไปตามที่แม่จัดสรรให้ แต่ด้วยความที่เขาทำแล้วเขาซึมซับ คิดว่าบุญกุศลมันหนุนนะแม่นะ ตอนนี้เขาทำอะไรมันมาจากหัวใจเขาจริง ๆ นะ

 

คุณแม่แพม: ใช่ค่ะ อย่างที่ตา (Host) พูดค่ะ ทำให้แม่รู้สึกว่าแม่ปล่อยเขาได้แล้ว เดี๋ยวนี้แม่ไม่ต้องไปจัดการอะไรกับเขามากแล้ว เขาโตแล้วในทุก ๆ ด้าน ก็มีแค่จุดเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นที่แม่จะคอยช่วยหรือคอยเตือนแค่นั้นเอง

 

 

Host: อยากถามแม่ว่า ตอนช่วงที่แม่กับน้องแพนสองคนเริ่มเข้ามาในวงการ ลูกคนอื่นเขารู้สึกอย่างไร เพราะแม่ทุ่มเวลาให้กับน้องแพนมาก

 

คุณแม่แพม: ใช่ อันนี้เป็นเรื่องที่แม่ต้องแก้ไขเหมือนกัน ในขณะเวลาที่เราจะต้องไปทุ่มเทกับเรื่องเรื่องหนึ่งมาก ๆ ในเรื่องอื่น ๆ หรือลูกคนอื่น ๆ เราก็ทิ้งไม่ได้นะ ต้องไปพร้อม ๆ กันให้ได้ แต่ช่วงแรกแม่ก็ค่อนข้างทำอะไรไม่ถูก อย่างที่บอกมันเปลี่ยนตัวเราแบบหลังมือเป็นหน้ามือเลย เรามาเป็นทั้งแม่ เป็นผู้จัดการด้วย ทุกอย่างมันยากมาก 

 

เราเองก็ไม่ได้อยู่ในแวดวงการบันเทิง มีหลาย ๆ อย่างที่เราต้องเปลี่ยนมาก ๆ อย่างเช่น มีคนมาบอกว่าคนนี้ไว้ใจไม่ได้ อย่าไปยุ่งกับเขา แต่เราต้องเจอเขา แล้วจะทำอย่างไรให้อยู่กับเขาให้ได้ แพนเองเขาก็ช่วยมากนะ แม้แต่น้อง ๆ ด้วย แรก ๆ แพนก็ยังไม่เข้าใจว่าทำกันแต่งาน จนตอนหลังช่วงเวลาหนึ่งแม่เองก็ต้องหากับน้อง ๆ ก็ต้องให้พ่อมาช่วยดูแลลูกชาย ส่วนลูกคนเล็กคุณยายมาช่วย เพราะชีวิตการถ่ายละครมันหนัก 

 

แต่ลูกคนเล็กต้องขอบคุณเขามาก ๆ ที่มิกิเขาเอาตัวเองข้ามผ่านช่วงเวลาตรงนั้นมาอย่างปลอดภัย เป็นบุญคุณสำหรับแม่กับแพนเลยก็ว่าได้ที่น้องเอาตัวรอดมาได้อย่างดี โดยไม่ได้ทำความลำบากอะไรให้เลยนะ ก็ต้องบอกว่ามิกิเป็นตัวอย่างของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจริง ๆ บางทีต้องให้กลับมาทำการบ้านคนเดียว เพราะแม่บ้านก็จะมาทำความสะอาดแล้วก็ไป มิกิต้องทำการบ้านรออยู่ รอจนเรากลับมาบ้านค่ำ ๆ ส่วนพัตเตอร์ยังไม่ค่อยเท่าไหร่เพราะเขาซ้อมฟุตบอล คุณพ่อก็จัดการดูแล

 

ความสำเร็จที่เราได้รับมาเนี่ยนะไม่ได้มาจากแค่คนเดียว เพราะฉะนั้นแม่บอกแพนตลอดเลย แพนทำงานเหนื่อยใช่ไหมลูก แต่ก็อย่านึกนะว่าความสำเร็จของลูกที่ได้มา มันมาด้วยตัวหนูเพียงคนเดียว มีเวลาที่เราจะต้องพูดต้องทำความเข้าใจกัน ลูกต้องเข้าใจให้ดีนะ พัตเตอร์เขาก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ มาคอยกินคอยนอนอย่างเดียวนะ เขาก็เป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญที่ซัพพอร์ทเราอยู่ข้างหลัง จะด้วยเรื่องอะไรก็ตามแต่ น้องมิกิเองก็ช่วยทำให้เราทำงานได้สะดวก 

 

แต่ในขณะเดียวกันพอกลับไปที่ลูกสองคนนั้น แม่ก็จะต้องมีวิธีสอน วิธีคุยที่จะให้รู้ว่าเราต้องอดทนกันนะ ถ้าเรายังอยู่ในการทำงานตรงนี้ เราต้องช่วยกัน ไม่ให้ทั้งสองฝ่ายต่างคิดว่า ทางนั้นก็ไม่ต้องคิดว่าชีวิตฉันต้องขึ้นอยู่กับพี่คนเดียว ทุกอย่างต้องสอดคล้องกันไปหมด รอเวลาจนสุกงอม ก็คือลูกทุกคนโตทัน ๆ กัน ทีนี้ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น เพราะมีความคิดความอ่านจากที่เราพยายามหล่อหลอม พยายามบอก เขาร้อยเรียงแล้วก็มีความกลมเกลียวกันเป็นหนึ่ง

 

ณ ขณะนี้ แม่รู้สึกว่าแม่ค่อนข้างสบายใจขึ้นเยอะ เพราะเขาเองแท็กทีมกันแล้ว แม่กลายเป็นคนแปลก ตก Gen ไปแล้ว ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรเขาสามารถช่วยกันแบ่งงานกันได้หมด น้องมิกิซัพพอร์ทพี่แพนเรื่องออนไลน์ได้ทั้งหมด เป็นช่างภาพส่วนตัวด้วย พี่พัตเตอร์เองก็เป็นหน่วยข้างหลังในเรื่องของความแข็งแกร่ง การออกกำลังกาย แต่ทุกคนไม่ได้มีใครพูดเลยว่าจะเรียนหนังสือหรืออะไรกัน แต่พี่แพนเขาก็นำพาชีวิตของเขาจนกำลังจะจบด็อกเตอร์ น้องพัตเตอร์เองก็ใกล้จะถึงฝั่งแล้ว ส่วนมิกิก็ยังอยู่ในเวย์ที่ยังไม่จำเป็นที่จะต้องไปทำงานแบบสมัยก่อน มีวิธีคิดแบบใหม่ซึ่งแม่ก็ค่อนข้างหายห่วงไปเยอะ

 

 

Host: จนถึงวันนี้ แม่เหนื่อยไหมคะ

 

คุณแม่แพม: อาชีพแม่มันมีคำนี้ไม่ได้เลยนะคะ คำว่าแม่ไม่มีคำว่าท้อ มันมีแต่คำว่าต้องขยัน ต้องยิ้ม แล้วก็ทำยังไงก็ได้ให้อยู่กับเขาให้ได้นานที่สุดเท่าที่เขาอยากจะให้เราอยู่ด้วย

 

 

Host: ตอนที่ทำงานในวงการใหม่ ๆ อย่างที่รู้กันว่าเสือสิงห์กระทิงแรดเยอะมาก แล้วแม่กับลูกสาวช่วยกันสองคนตะลอนๆ  ฝ่าฟันกันมา คนรอบข้างก็ไม่ได้เห็นด้วย ตอนนั้นแม่เคยท้อบ้างไหมคะ

 

คุณแม่แพม: ก็แอบมีนิด ๆ นะ เพราะว่าเราไม่รู้จะหันไปทางไหนที่จะมาเชียร์อัพเรา คือเราก็ต้องการกำลังใจว่าเราเก่งนะ เราพาลูกไปได้ แต่ไม่มีเลย แม่ต้องผ่านเวลานั้นมาเป็นสิบ ๆ ปีนะกว่าที่ทุกคนถึงจะคิดว่าวิธีแบบนี้มันก็เป็นวิธีที่อีกหลาย ๆ คนทำได้นะ ถ้าคุณมีวิธีการจัดการที่ดีพอ 

 

ตอนนั้นขาดกำลังใจ ท้อ เสียใจก็พูดกับลูกแหละก็พูดได้ พอขึ้นรถก็จะบอกเลยว่าดูสิแทนที่เขาจะพูดอีกแบบกับเรานะ เขาก็มาพูดให้เราเสียกำลังใจ แต่ก็ไม่รู้ล่ะ...เปลี่ยนเรื่องอื่น แม่ก็พูดเรื่องอื่นเลย ความน้อยเนื้อต่ำใจไม่เป็นไปตามที่เราคิดเราหวัง ไม่ควรจะเก็บไว้กับใจเรานาน ๆ คือแค่แป๊ปเดียวแล้วก็ให้มันหายไป แม่ก็จะสรรหาเรื่องอื่น ๆ มาพูดให้ลืม ๆ ไป เราก็ลืม ลูกก็ลืม ไม่ต้องไปนึกถึงมันอีก

 

 

 

 

 

 

ผู้ดำเนินรายการ:  คุณแม่แพม นวลนง จามิกรณ์ / สุรางคณา สุนทรพนาเวศ

บรรณาธิการ:  นันทิญา จิตตโสภาวดี

กองบรรณาธิการ: นมิดา แพ่งสภา, ปัณณธร ใสแสง, รุจา สุขพัฒน์, นีรชา คัมภิรานนท์, สุสมา สุขพัฒน์

ศิลปกรรม:  ฐานิสร์  ริ้วสุวรรณ, เอกชัย เธียรสรรชัย
นักออกแบบเสียง:  ธัญธนวรัท  ชนกชัด

ฝ่ายผลิต: ชลธิศ กรดี

ที่ปรึกษา:  วันชัย  บุญประชา, ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

สนับสนุนโดย  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

 

 

 

 

OTHER