โดดเดี่ยวไม่เดียวดาย EP.02 ตอบยังไงเมื่อลูกถามถึงพ่อ

19 กรกฎาคม 2021 90 ครั้ง

โดดเดี่ยวไม่เดียวดาย EP.02 ตอบยังไงเมื่อลูกถามถึงพ่อ

เมื่อลูกถามถึงพ่อ..ตอบยังไงดี

 

คุณใหม่ - วันนี้แม่จอยกับแม่ปุ๋ยจะมาแลกเปลี่ยนคุยกันในหัวข้อ “เมื่อลูกถามถึงพ่อ..ตอบยังไงดี”

 

 

แม่จอย - ตอนนี้น้องยังไม่ได้ถาม แต่ก็อยากรับมือไว้ เพราะไม่รู้ว่า อนาคตข้างหน้าน้องจะถามเมื่อไรว่าน้องมีพ่อไหม แล้วถ้ามี พ่อน้องอยู่ไหน ทำไมถึงไม่อยู่ด้วยกัน ก็เลยอยากเตรียมรับมือไว้ว่าจะตอบลูกยังไงดี

 

 

ความเป็นจริงอยากตอบว่า ไปแล้วค่ะ ไปสวรรค์แล้ว แต่ก็คงไม่ได้ เพราะผู้ใหญ่ก็แนะนำว่า อย่าเลย ไม่ควร แม่จอยแยกกับพ่อของน้องด้วยความแย่ของฝ่ายนั้นหลาย ๆ อย่าง เราเลยเลือกที่จะเดินออกมา ก็เลยมีความกังวลว่าจะตอบยังไง เพราะจากประสบการณ์ส่วนตัว แม่ของแม่จอยก็เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่ไม่ได้เลี้ยงเดี่ยวแบบ 100% ยังอยู่กัน 3 คนพ่อแม่ลูก

 

 

ตอนจอยเล็ก ๆ พ่อมีวีรกรรมเยอะมาก จนเรารู้สึกว่า พ่อสร้างความเจ็บปวดให้แม่มาก จอยโตมาด้วยการถูกกรอกหูว่า พ่อเลว พ่อไม่ดี พ่อแย่ จนเราซึมซับ บวกกับเราเห็นการทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อย ๆในบ้าน ก็เริ่มรู้สึกว่า เกลียดพ่อ ถึงพ่อจะอยู่ในบ้าน เราก็ไม่สนใจ ไม่เอาพ่อเลย เพราะถูกปลูกฝัง แต่เราก็เข้าใจแม่นะ เราไม่ได้ว่าแม่ เพราะแม่ก็คงเจ็บปวด

 

 

แต่ปัจจุบันนี้จอยดีกับพ่อแล้ว แต่แม่กับพ่อคือเรื่องของเขา จอย ดูแลพ่อตามปกติ ไปมาหาสู่ เลยทำให้นึกย้อนกลับไป วันที่จอยเสียใจที่สุด คือ วันรับปริญญา จอยไม่ถ่ายรูปกับพ่อเลย จนอดีตแฟนที่ไม่ใช่พ่อของลูก เขาก็บอกว่า ไปถ่ายหน่อยนะ ขอร้อง ทำให้จอยย้อนกลับมาดูรูป อย่างน้อย ๆ ก็มีรูป 1 ใบวันรับปริญญาที่จอยได้ถ่ายคู่กับพ่อ มันเลยทำให้เป็นบาดแผลในใจอยู่เหมือนกันว่า เสียใจจังเลย พ่อเขาเฝ้ารอ ถึงตอนเด็ก ๆ เขาจะไม่ค่อยอะไรกับเรา ไม่เลี้ยงดู แต่พอเราได้เรียน ได้เติบโตมาเรื่อย ๆ เราได้รับรู้ว่า เขาก็เฝ้ารอเหมือนกันนะ เพราะคนที่บ้านฝั่งพ่อ เขาก็ปรามาสกันไว้เยอะว่า ไม่จบหรอก เดี๋ยวก็มีสามี ตามสภาพแวดล้อมสังคมที่อยู่ ก็เลยกลายเป็นว่า เราก็รับรู้ว่าเขาคาดหวัง

 

 

ก็เลยกลับมามองตัวเองว่า แล้วเราล่ะ เราจะตอบลูกยังไงดี เราจะสร้างความเกลียดชัง ซึ่งยอมรับว่าเราอยากสร้างความเกลียดชัง เพราะเรากลัวว่าถ้าเราไม่สร้างความเกลียดชัง แล้ววันหนึ่ง ลูกโหยหา ด้วยความเป็นเด็ก ลูกอาจจะอยากเจอ อยากรู้จัก แล้วถ้าได้เจอ ลูกอาจจะรู้สึกชอบ อยากไปหา เพราะคนไม่ได้เลี้ยงอาจจะมีการตามใจ มีการซื้อของให้

 

 

เราย้อนมองตัวเอง เราเจ็บปวด ยอมรับว่าแค่คิดก็เจ็บปวดแล้ว แม้จะยังไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น แต่จะสร้างความเกลียดชังให้ลูก ก็คิดว่าไม่ควร ก็เลยชั่งใจไม่ถูกว่าจะตอบอย่างไร จะไปทางไหนดี

 

 

แม่ปุ๋ย – อันดับแรกต้องดีใจกับแม่จอยก่อนที่อย่างน้อยก็ได้มีภาพถ่ายกับคุณพ่อ ถึงแม้จะเป็นแค่ใบเดียว แต่อย่างน้อยก็มี วันเวลาจะสอนเราเองว่า วัยนั้นเราคิดแบบนั้น พอวัยหนึ่งเราคิดแบบนี้ พอเราเป็นพ่อคนแม่คนเราคิดอีกแบบหนึ่ง และพอลูกเราโต เราคิดอีกแบบหนึ่ง มันจะเป็นอย่างนี้จริง ๆ

 

 

ปุ๋ยเข้าใจคุณจอยที่เล่ามาทั้งหมด เพรา ปุ๋ยก็ไม่ได้ต่างกัน พ่อปุ๋ยเลี้ยงปุ๋ยมาแบบเลี้ยงเดี่ยวเช่นกัน แต่ที่ต่างกันคือ อารมณ์ของผู้ชายกับผู้หญิงไม่เหมือนกัน ผู้ใหญ่ 2 คน 2 เพศ มีความเจ็บปวดในเรื่องราวของพวกเขาไม่แตกต่างกัน แต่ผู้ชายมักแสดงออกไม่มากเท่าผู้หญิง อย่างน้องจอยอยู่กับคุณแม่ คุณแม่จะมีเรื่องของการสื่อสารทางด้านอารมณ์เยอะ ภาพจะดูแรง ในขณะเดียวกัน ปุ๋ยโตมากับพ่อ ฉะนั้นภาพของพ่อจะเป็นในเรื่องของเหตุผลที่อยู่ในความทรงจำของปุ๋ย

 

 

พ่ออาจจะโกรธแม่ แต่ไม่ได้แสดงออกมาด้วยคำพูด แต่การแสดงออกของพ่อปุ๋ยที่พวกปุ๋ยได้รับผลกระทบ คือ ห้ามไม่ให้ร้องหาแม่ ห้ามไม่ให้คิดถึงแม่ ห้ามไม่ให้ไปหาแม่ ถ้าแม่จะมาหาต้องบอกล่วงหน้าว่ามาด้วยเหตุผลอะไร ซึ่งความเป็นธรรมชาติ ความรัก ความอบอุ่นตรงนั้นเหมือนกับเราโดนตีกรอบหมดเลย เราไม่สามารถที่จะกอดแม่ อ้อนแม่ต่อหน้าพ่อ เพราะเรารู้สึกถึงสายตาพ่อที่เจ็บปวดชอกช้ำ

 

 

เราแคร์พ่อที่พูดน้อยแต่เรารู้ได้ว่าอารมณ์เยอะ เราอยู่กับเขา เราโตกับเขา เหตุผลทุกอย่าง เขาไม่ได้พูดอะไรมากมาย พ่อไม่พูด แต่แสดงออกจากกฎข้อห้ามต่าง ๆ ซึ่งปุ๋ยต้องนอนร้องไห้คิดถึงแม่ แล้วต้องบอกว่าร้องเพราะปวดหัว ไม่ใช่ร้องเพราะคิดถึงแม่

 

 

เรารู้ว่าคน 2 คนนี้รักเรา เราแคร์ทั้งคู่ เรารักทั้งคู่ เราอยากได้อ้อมกอดของคนทั้งคู่ เราอยู่กับพ่อก็จริง แต่พ่อไม่เคยกอดเราเลย เพราะเขาเหนื่อยเกินไปที่จะมานั่งโอ๋ นั่งกอด เขาต้องการให้เราต่อสู้เข็มแข็ง อยู่กับความเป็นจริง แต่เจอแม่ทีไร นาน ๆ เจอกันที แม่กอดเรา เราโหยหาอ้อมกอดแบบนี้ เราต้องการมาก ๆ เลย เราก็แค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ป่วยก็อยากมีคนลูบหัว ร้องไห้ก็อยากมีคนลูบหลัง ก็แค่นั้น เด็กวัยนั้นคิดแค่นั้น แต่ไม่เคยโกรธพ่อนะ แต่ลึก ๆ เจ็บ

 

 

ในฐานะที่พี่ผ่านประสบการณ์มา ตอนแรกพี่เจ็บปวด รู้สึกว่าโลกมันถาโถม โลกไม่ยุติธรรม แต่พอถึงจุดหนึ่ง ขอบคุณพ่อที่แสดงออกแบบนั้น ทำให้เรารู้เลยว่า ลูกเราจะรู้สึกยังไง ถ้าวันนี้เราทำแบบนั้น แล้วปุ๋ยจะไม่ใช้วิธีนั้น ปุ๋ยถือว่ามันไม่แฟร์สำหรับเด็ก ๆ เราเลิกกับพ่อเด็กได้ เราเลิกกับเขาด้วยเหตุผลของคน 2 คน แต่มันไม่แฟร์ที่จะให้เด็กต้องมาอยู่ข้างใครข้างหนึ่ง เพราะฉะนั้นผลงานที่ผ่านมาที่พ่อปุ๋ยทำไว้กับปุ๋ย ทำให้ปุ๋ยเลี้ยงลูกแบบเปิดโอกาสให้ลูกได้รับอ้อมกอดจากพ่อของเขาอย่างเต็มที่ โดยผ่านการพูดคุยทำความเข้าใจ เมื่อไร ยังไง ที่เหมาะสม

 

 

คุณใหม่ - แม่ปุ๋ยบอกลูกยังไง บอกตอนไหน ลูกถามหรือบอกเอง

 

 

แม่ปุ๋ย - ปุ๋ยบอกเองเลย ปุ๋ยเลี้ยงลูกคนโตด้วยนิทาน ปุ๋ยก็เอาเรื่องของปุ๋ยมาเป็นนิทานด้วย ตอนนั้นลูก 2 ขวบ ปุ๋ยเล่านิทาน เล่าชีวประวัติปุ๋ยแล้ว เล่าแม้แต่ตอนที่โดนปิดกั้นไม่ให้เจอแม่ แล้วปุ๋ยก็จะเล่าคล้าย ๆ กับเรื่องของเขาที่ว่า เขาโชคดีมากที่พ่อเขารักเขา มารอเจอเขา

 

 

แล้ววันหนึ่งลูกปุ๋ยก็ถามขึ้นมาว่า อันนี้เรื่องของเขาใช่ไหม คือ มันแยบคาย ปุ๋ยต้องยอมรับว่า ส่วนหนึ่งมันอาจเป็นการแสดงแต่มันทำให้เด็กรู้สึกว่าอยากรู้ แล้วรู้ได้ในเชิงบวก คุณไม่ต้องรอให้ใครมาล้อคุณหรอกว่าคุณไม่มีพ่อ คุณมีพ่อ เดี๋ยวพ่อก็มารับแล้ว เสาร์อาทิตย์ก็ได้เจอกัน ไม่ใช่ว่าคุณไม่มีพ่อ แล้วไม่จำเป็นต้องให้ลูกรู้สึกว่าเราไม่มีพ่อ หรือเราไม่มีแม่นะในความคิดของปุ๋ย แต่เรา 2 คนแค่ไม่ได้ใช้ชีวิตด้วยกันกันในชีวิตคู่ แต่เขาก็อยู่กับพ่อเขาได้

 

 

ในวันนี้หน้าที่แม่คือดูแลเรื่องนี้ หน้าที่พ่อดูแลเรื่องนี้ พ่อไม่พร้อม ขอมือย่าหน่อย แล้วทุกวันนี้ลูกปุ๋ยสนิทกับย่าเขามาก ย่าเขาสนิทกับปุ๋ยมากในฐานะแม่ปุ๋ยด้วย ไม่ใช่แม่สามี ปุ๋ยใช้วิธีสื่อสารด้วยการไม่ใช้อารมณ์ ปุ๋ยเข้าใจอารมณ์ของคุณจอยที่เล่ามานะ นู่นพ่อไปสวรรค์แล้ว แต่มันไม่ใช่หรอก มันไปสร้างจุดให้เด็กรู้สึกว่า มันไม่ใช่เรื่องจริง

 

 

แล้วปุ๋ยเคยโดนผู้ใหญ่บางคนบอกว่า บอกลูกไปเลยอย่างโน้น อย่างนี้ ปุ๋ยบอกมันไม่ใช่  เราต้องรู้เองว่า เราผ่านมาแล้ว เราไม่ต้องรอให้ใครมาสอนเรื่องแบบนี้ เราคิดเองได้ว่าเรารู้สึกอย่างไร แล้วลูกเราจะรู้สึกอย่างไรถ้าเราไม่พูดเรื่องจริง เพราะฉะนั้นเรื่องจริงพูดกี่ครั้งก็คือเรื่องจริง แล้วเราไม่ต้องรู้สึกว่าเราโกหกด้วย

 

 

เพียงแต่ว่า วันเวลาที่เหมาะสม ปุ๋ยค่อย ๆ ใส่ให้ลูกเรียนรู้จากนิทาน แล้วก็มาผสมกับเรื่องราวของตัวเขากับแม่ เรื่องราวของแม่กับพ่อ ให้เป็นในเชิงบวก แต่แน่นอนเด็กจะถามเหตุผลว่า ทำไมไม่อยู่ด้วยกัน เด็กถามอยู่แล้ว ยังไงก็เจอ แต่เวลาที่ถามก็บอกได้เลย ปุ๋ยบอกเรื่องจริง คือ แม่เป็นคนทำงานเยอะ แม่ต้องการที่จะให้เวลากับงาน กับลูกให้เยอะ แม่ไม่มีเวลาที่จะไปดูแลครอบครัวแบบใหญ่ ๆ ขนาดนั้น ปุ๋ยพูดในเชิงที่ว่า เด็กจะเห็นภาพ ไม่ได้พูดอะไรลึกซึ้งมากในวัยของเขาตอนนั้น แต่พอวันหนึ่งที่เขาโตขึ้น เขาค่อย ๆ รู้บริบทของชีวิตไปเองว่า อ่อ มันเป็นแบบนี้ ปุ๋ยคิดว่าตรงนี้มันดีตรงที่ว่ามันลดตะกอนของเขา

 

 

คุณใหม่ - สิ่งหนึ่งที่แม่ปุ๋ยพยายามจะบอกแม่จอยก็คือว่า จริง ๆ เรารู้สึกได้นะข้างใน แต่ในความเป็นจริงพอเรานึกถึงลูก เราไม่อยากให้ลูกเป็นเหมือนเรา แม่ปุ๋ยก็เลือกที่จะเอาส่วนดีของพ่อมา เอาส่วนไม่ดีออกไปซะ แล้วก็บอกลูก แม่ปุ๋ยออกแบบการบอกแบบ positive แต่ใช้เรื่องของนิทาน ใช้เรื่องของการเล่า แล้วก็แทรกซึมไปเรื่อย ๆ แล้วก็บอกความจริง

 

 

จากทั้ง 2 คน ดูเหมือนว่า มันมี 2 ความรู้สึก คือ ความรู้สึกที่ยังเป็นลบกับอีกฝ่ายหนึ่ง กับความรู้สึกที่ไม่อยากโกหกลูก เรานึกถึงประโยชน์สูงสุดของเด็ก นึกถึงความรู้สึกลูก พอฟังแม่ปุ๋ยแบบนี้แล้ว แม่จอยคิดว่าจะตอบอย่างไรดี แล้วตอนนี้รู้สึกอย่างไร

 

 

แม่จอย – ขออนุญาตเสริมนิดหนึ่งนะคะ คำตอบของพี่ปุ๋ยเป็นคำตอบที่ดีมาก ๆ แม่จอยเห็นภาพเลย แล้วก็เข้าใจในความ positive มาก เราต้องคิดหาวิธีอย่างแยบคาย แต่ของกรณีแม่จอย แม่จอยเชื่อว่า มันจะต้องมีอีกหลาย ๆ บ้านที่เป็นเหมือนแม่จอย ที่ทางฝ่ายพ่อของลูกไม่มีความรู้สึกกับเด็กเลย ตรงนี้มันเจ็บปวดเนอะ ถ้าเราต้องบอกให้เขารู้

 

 

ตัวเราเองยอมรับว่า เราไม่เจ็บปวดหรอก แต่เราไม่รู้ว่าลูกจะเจ็บปวดไหม แล้วเราก็รู้สึกว่า มันเป็นอะไรที่คาใจเรา อย่างของพี่ปุ๋ยโชคดีตรงที่ว่า คุณพ่อน้องยังรักน้อง ยังอยากมาเจอน้องอยู่ แต่ของแม่จอยคือไม่เลย เขาหายไปเหมือนตายไปจริง ๆ แล้วช่วงที่ไปเจอกันที่ศาล ลูกก็ไม่รู้จัก ไม่สนใจ เราให้ลูกสวัสดี เขาก็สวัสดี แล้วก็น้าที่ไปเป็นเพื่อนที่ศาล เขาก็ถามว่า รู้จักไหมใคร ลูกก็ส่ายหัว ไม่รู้จัก นี่คือเครื่องยืนยันว่า มันมีบางประเภทที่เขาไม่เอาเด็กเลย เราก็เลยไม่รู้ว่า เราจะไป positive กับเขายังไง

 

 

แต่จะลองนำวิธีของพี่ปุ๋ยไปทำดู ค่อย ๆ หาทางพูด เล่าเรื่องราวไปเรื่อย ๆ เพราะว่ามีช่วงหนึ่งจอยพูดกับลูกตรง ๆ ว่า เวลาคนเราจะเกิดมาได้เป็นเด็กแบบนี้ ต้องมีทั้งพ่อและแม่นะลูก จอยพูดหมดเลยว่า หนูมีพ่อนะ ไม่ใช่ไม่มี เพียงแต่ว่าไม่ได้อยู่ตรงนี้ เขาก็ไม่สนใจจะถาม ไม่โหยหาที่จะถาม แต่คิดว่า เดี๋ยวเขาคงจะถาม แล้วจอยก็เล่าไปเรื่อย ๆ จอยพูดไม่ยาว พูดนิดเดียวเพราะน้องแค่ 4 ขวบกว่า เขาก็อืม ๆ พยักหน้า แม่จอยถามต่อว่า แล้วหนูอยากมีพ่อไหม เขาก็ หึ เหมือนกับเขาก็ยังไม่เข้าใจ ก็เลยคิดว่าจะลองเอาวิธีของพี่ปุ๋ยไปปรับใช้ จะค่อย ๆ ใส่เรื่องเข้าไป ใส่ความจริง แต่จะไม่ใส่อารมณ์

 

 

แม่ปุ๋ย – ของปุ๋ยไม่ได้ต่างกันนะ ตอนนั้นพ่อเขาติดผู้หญิงมาก กู่ไม่กลับ แล้วก็ไม่สนใจลูกเลยเหมือนกัน แต่ว่าย่าเขา เรามีผู้ใหญ่ที่ดียื่นมือเข้ามา แล้วก็พยายามมากที่จะไม่ปล่อยมือหลาน ปุ๋ยค่อนข้างโชคดี แต่ถามน้องจอยว่า มีไหมคะ แม่ของคุณพ่อ

 

 

แม่จอย - ไม่มีค่ะ แม่สามีก็เสียไปแล้ว แต่ว่าตอนน้องเกิด เขาก็ไม่เอาเด็กเหมือนกัน คือไม่มีจริง ๆ ก็เลยทำให้รู้สึกว่า แบบพี่ปุ๋ยก็มีหลายครอบครัว แต่ว่าสิ่งที่จอยได้จากพี่ปุ๋ยก็คือว่าจะเอาเรื่องราวไปทำให้มันเบาลง อย่างที่แม่จอยพูดไปว่า เล่าความจริง แต่เราจะไม่ใส่อารมณ์

 

 

แม่ปุ๋ย - ขออนุญาตแนะนำนิดหนึ่ง ทริก (trick) นิดเดียวที่จะทำให้เราเล่าได้อย่าง positive ก็คือ เมตตาต่อพ่อเขา เราต้องเห็นใจเขาว่า เราไม่เป็นแบบเขาก็บุญแล้ว แล้วเราก็พยายามเล่าด้วยความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ จริง ๆ พ่อของเขามีประวัติศาสตร์ที่ล้มเหลวถึงได้ปฏิบัติต่อลูกแบบนี้ มันต้องใช้อารมณ์แบบนี้ ถ้าเรายังโกรธ ยังเกลียดอยู่ เราก็จะไปทิ่มแทงลูก ไม่ใช่ว่าปุ๋ยไม่เคย ปุ๋ยเคยเจ็บปวด แล้วก็ไปบ่นแล้วบังเอิญลูกได้ยิน กลายเป็นว่าปุ๋ยเจ็บปวดกว่านั้นอีกที่ลูกรู้สึกแย่ แล้วปุ๋ยก็พยายามพัฒนา ปุ๋ยเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนอารมณ์ เปลี่ยนโทน ไม่งั้นปุ๋ยเอาไม่อยู่

 

 

คุณใหม่ - ก่อนจะมาถึงวันนี้ทุกคนเจ็บปวดมาหมด โดนมาหมดทุกอย่าง ที่ใหม่ฟังแม่ปุ๋ยกับแม่จอย คือมันเป็นความเจ็บปวดผ่านความโกรธ ผ่านความเกลียด ผ่านสิ่งที่เราทำด้วยอารมณ์ทั้งหมดมาแล้ว แล้วมันไม่ได้ผลเลยกับลูก ไม่ดีเลยกับลูก

 

 

แม่ปุ๋ยเห็นตรงนี้ แม่ปุ๋ยเลยปรับให้เป็น positive ที่สำคัญใหม่คิดว่า เราเห็นประโยชน์สูงสุดของลูก ณ วันนี้ เราทั้งหมดเคยผ่านประสบการณ์เลวร้าย เคยผิดพลาด แต่เราพยายามปรับ แล้วแม่ปุ๋ยก็พยายามเอาประสบการณ์ของแม่ปุ๋ยที่อาจจะผ่านประสบการณ์ความเลวร้ายนั่นแหละ มาบอกต่อกับแม่จอย แล้วก็เราจะมาปรับกัน

 

 

ทั้ง 2 ท่าน อาจจะมีความแตกต่างทางบริบท แต่วันนี้เราจะคุยความจริงกับลูก ทุกคนเกิดมาต้องมีพ่อและแม่ สุดท้ายแล้วแม้ว่าไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ยังมีแม่ที่ทำได้ทั้งพ่อและแม่ นี่แหละคือความจริงที่ลูกเห็น สุดท้ายอยากให้ทั้ง 2 คนให้กำลังใจกันหน่อย

 

 

แม่ปุ๋ย - กอด ๆ น้องจอยนะ ถ้าไปอยู่ใกล้ ๆ เราอยากกอดอย่างสุดซึ้ง เราเข้าใจมาก ๆ กับประวัติศาสตร์อะไรแบบนี้ คือมันไม่ดีหรอก แล้วเราก็อย่าไปใส่ให้ลูกเราเลยเนอะ สงสารเด็ก เราก็เจ็บจนวันตาย เราก็ต้องเยียวยาเหมือนกัน ทุกคนต้องการการเยียวยา สู้ ๆ

 

 

แม่จอย - ขอบคุณมากเลยค่ะ ทั้งซึ้ง ทั้งเจ็บปวด ไม่ได้เจ็บปวดนะ แต่แค่รู้สึกว่า ดีใจที่มีรายการนี้มาก ๆ เพราะมันทำให้มีคนเข้าใจเรา มีคนมาให้กำลังใจ ได้เจอเรื่องราวที่เหมือนเรา

 

 

 

ผู้ดำเนินรายการ:  ฐาณิชชา ลิ้มพานิช

บรรณาธิการ:  นันทิญา จิตตโสภาวดี

กองบรรณาธิการ: นมิดา แพ่งสภา, ปัณณธร ใสแสง, รุจา สุขพัฒน์, นีรชา คัมภิรานนท์, สุสมา สุขพัฒน์

ศิลปกรรม:  ฐานิสร์  ริ้วสุวรรณ, เอกชัย เธียรสรรชัย
นักออกแบบเสียง:  ธัญธนวรัท  ชนกชัด

ฝ่ายผลิต: ชลธิศ กรดี

ที่ปรึกษา:  วันชัย  บุญประชา, ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

สนับสนุนโดย  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

 

 

OTHER