On the Way Home EP.32 Zen Story นิทานธรรมสะกิดใจ 2

02 ตุลาคม 2020 119 ครั้ง

On the Way Home EP.32 Zen Story นิทานธรรมสะกิดใจ 2

ใครที่ชอบฟังนิทานห้ามพลาด On the Way Home อีพีนี้ มีนิทาน 2 เรื่องจากหนังสือ “Zen Story นิทานธรรมสะกิดใจ” สำนักพิมพ์อมรินทร์ธรรมะ ของพระมหาวีระพันธ์ ชุติปัญโญ หรือที่ท่านใช้นามปากกาว่า ชุติปัญโญ ได้รวบรวม 25 เรื่องเล่า มาให้อ่านกันแบบสนุก ๆ พร้อมมีข้อคิดดี ๆ ทำให้มองเห็นแง่มุมต่าง ๆ ของชีวิตมากยิ่งขึ้น

 

ท่าดีทีเหลว

 

เป็นเรื่องของพระอินทร์ซึ่งเป็นหัวหน้าเทวดา มีหน้าที่คอยช่วยเหลือมนุษย์ ตามความเชื่อนี้บอกว่า พระอินทร์ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน เพราะมนุษย์มีแต่เรื่องเดือดร้อน ท่านก็เหนื่อยมาก

 

วันหนึ่งท่านคิดจะเลิกทำหน้าที่นี้ อยากหาผู้ทำหน้าที่แทน ซึ่งคนคนนั้นจะต้องมีคุณธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องไม่มีความโลภ

 

เมื่อไตร่ตรองดีแล้ว พระอินทร์ก็ลงมาที่โลกมนุษย์ แปลงร่างเป็นมนุษย์ธรรมดา แล้วเดินเข้าไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งเพื่อแสวงหาบุคคลผู้มีจิตใจสูง มีคุณธรรม เหมาะแก่การรับตำแหน่ง

 

พระอินทร์ได้ตรงไปที่มัคนายกก่อน ซึ่งเป็นคนที่เขาเล่าลือว่า เป็นคนจิตใจดี มีเมตตา มีคุณธรรม

 

เมื่อสนทนากันพอสมควร พระอินทร์ก็ทดลองใจ โดยเอานิ้วชี้ไปที่ก้อนหินเล็ก ๆ ก้อนหนึ่งให้กลายเป็นทองคำธรรมชาติ แล้วมอบให้แก่มัคนายก จากนั้นก็เดินทางออกจากหมู่บ้านไป

 

ในขณะที่พระอินทร์กำลังนั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ท้ายหมู่บ้าน มัคนายกคนนั้นก็วิ่งกระหืดกระหอบมา แล้วบอกให้พระอินทร์ช่วยเปลี่ยนทองคำธรรมชาติให้เป็นทองคำแท่ง เพื่อจะได้นำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินทองต่อไป ทำให้พระอินทร์รู้สึกผิดหวังเหลือเกิน

 

“โธ่ ในที่สุดเจ้าก็โลภเหมือนกัน”

 

จากนั้นพระอินทร์ก็ได้พบกับคนดีมากมาย แล้วก็ได้เสกก้อนหินให้เป็นทองคำแก่ทุกคน แต่ทุกคนจะขอก้อนที่ใหญ่กว่าเดิม จนพระอินทร์คิดว่าในโลกนี้คงหาไม่ได้แล้ว คนที่จะมีคุณธรรมอย่างแท้จริง คนที่ไม่โลก

 

ก่อนจะกลับคืนสู่สวรรค์ พระอินทร์ได้แวะไปสนทนากับดาบสในอาศรมกลางป่า ยิ่งสนทนาก็ยิ่งประทับใจในความรู้และคุณธรรมของท่านดาบส เพราะทุกถ้อยคำสำนวน ล้วนบ่งบอกถึงความไม่ต้องการสิ่งใดในโลก

 

แต่เพื่อเป็นการทดลองให้แน่ใจ พระอินทร์จึงชี้นิ้วเสกก้อนหินให้กลายเป็นทองคำเหมือนเดิม แล้วก็ยื่นทองคำนั้นให้กับดาบส

 

ปรากฎว่า ท่านดาบสตอบอย่างไม่มีเยื่อใย “ข้าไม่ต้องการอะไรหรอก เพราะข้าสละทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว”

 

พระอินทร์ดีใจมาก รู้สึกว่าได้พบกับคนที่ต้องการแล้ว แต่เพื่อลองใจอีกจึงได้เสกก้อนหินให้เป็นทองคำก้อนใหญ่กว่าเดิมมอบให้กับดาบส ซึ่งคราวนี้ดาบสก็ปฏิเสธอีก

 

พระอินทร์จึงเสกก้อนหินให้เป็นทองคำอีกหลายครั้ง แต่ดาบสก็ไม่รับ

 

“ถ้าอย่างนั้น ท่านต้องการอะไรท่านดาบส” พระอินทร์ถามขึ้นด้วยความพอใจ เพราะเชื่อว่าได้พบแล้วคนที่จะมารับตำแหน่งแทน

 

ฝ่ายดาบสแสดงอาการอิดเอื้อนอยู่ครู่หนึ่ง ตาจ้องไปที่นิ้วชี้ของพระอินทร์แล้วบอกว่า

 

“ข้าต้องการนิ้วมือของท่าน”

 

พอพระอินทร์ได้ฟังคำตอบของดาบสจากที่เคยประทับใจ ก็กลายเป็นผิดหวังมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะไม่คิดว่าคนอย่างดาบสจะเกิดความโลภมากเหลือเกิน พระองค์จึงรีบกลับคืนสู่สวรรค์โดยไม่หันหลังกลับมามองอีกเลย สุดท้ายพระองค์ก็กลับไปทำหน้าที่เหมือนเดิม

 

-------------------------------------------------

 

ใกล้ตัวใกล้ใจ

 

เป็นเรื่องของชายชราคนหนึ่งที่ทำความดีอยู่เป็นประจำ จนได้ชื่อว่า เป็นต้นแบบแห่งคนดีที่มีความเมตตากรุณา รู้จักเอื้อเฟื้อผู้อื่นเสมอมา ด้วยเหตุแห่งการมีชีวิตอยู่เช่นนี้ เมื่อเขาตายไปก็ได้ไปเกิดเป็นเทวดาบนสรวงสวรรค์

 

เมื่อได้เกิดเป็นเทวดาแล้ว เขาก็ยังคิดถึงมนุษย์ผู้ตกทุกข์ได้ยากอยู่ตลอดเวลา และมีความปรารถนาที่จะช่วยปลดเปลื้องความทุกข์แก่ผู้อื่นอยู่เสมอ จึงได้พาตัวเองไปเยี่ยมโลกมนุษย์อีกครั้ง ด้วยความหวังว่าจะช่วยเหลือผู้ยากไร้อย่างที่เคยทำมา

 

เทวดาได้พบชาวนาที่ต้องตรากตรำทำงานหนัก เต็มไปด้วยความอ่อนล้าเหลือเกิน ท่านได้เข้าไปไต่ถามด้วยความห่วงใย ชาวนาก็บอกว่า

 

“หน้านามาถึงแล้ว แต่ควายที่บ้านกลับมาล้มตายลง ครั้นจะไปจ้างคนอื่นให้มาไถนาให้ ข้าก็ไม่มีเงินทองมากพอที่จะไปจ่ายเขา ข้ารู้สึกเป็นทุกข์ในเรื่องนี้เหลือเกิน”

 

เมื่อรับฟังความทุกข์ของชาวนาจบลง เทวดาจึงได้เนรมิตควายตัวใหญ่ตัวหนึ่งซึ่งมีร่างกายแข็งแรงมอบให้กับเขา ชาวนาผู้ได้รับความเมตตาถึงกับร้องไห้ กล่าวคำขอบคุณเทวดาที่ช่วยเหลือ แล้วเทวดาก็เดินทางต่อไปด้วยจิตใจที่เป็นสุข

 

อยู่มาวันหนึ่ง เทวดาได้ไปเจอชายอีกคนหนึ่งนั่งร้องไห้อยู่ใต้ต้นไม้ ดูท่าท่างมีความทุกข์มากเหลือเกิน ก็เข้าไปสอบถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ชายผู้นี้ก็เล่าให้ฟังว่า

 

“ข้าจะเดินทางกลับบ้าน แต่โชคร้ายเผลอหลับในขณะที่รอรถ ทำให้กระเป๋าถูกขโมยไป เงินทองและของมีค่าทุกอย่าง จึงไม่เหลือติดตัวแม้สักชิ้น ข้าวก็ไม่มีจะกิน เงินจะซื้อตั๋วกลับบ้านก็ไม่มี ทำให้ข้ารู้สึกเป็นทุกข์ยิ่งนัก”

 

เมื่อเทวดาได้ฟังเรื่องราวก็ทราบว่าสิ่งที่เขาพูดมานั้นเป็นความจริง จึงมอบค่าอาหาร ค่ารถ และค่าใช้จ่ายบางส่วนระหว่างเดินทางกลับบ้านให้ ชายผู้ตกทุกข์ได้ยากถึงกับร้องไห้โฮอย่างไม่อายใคร ซาบซึ้งตื้นตันในความกรุณาที่เทวดาผู้นี้มอบให้

 

ฝ่ายเทวดาเองก็รู้สึกมีความสุขเหลือเกินที่ได้ทำเช่นนั้น แต่ปรากฎว่า ต่อมาไม่นานเทวดาก็ได้มาพบกับคนคนหนึ่ง คนคนนี้เป็นกวีหนุ่มผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง

 

เทวดาพบว่าชีวิตของชายหนุ่มคนนี้ช่างโชคดีกว่าคนหลายคนที่ท่านได้พบมา เพราะเขามีสิ่งต่าง ๆ คอยสนับสนุนให้มีชีวิตที่มีความสุข ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาที่ดี ภรรยาก็น่ารัก บ้านเรือน เงินทอง เกียรติยศ ชื่อเสียงก็มีพร้อมสรรพ ปัจจัยเหล่านี้น่าจะทำให้กวีหนุ่มมีความสุขมากกว่าใคร ๆ

 

แต่เมื่อกวีหนุ่มถูกถามถึงความเป็นอยู่ แทนที่จะยินดีในสิ่งที่ตนมี กลับกล่าวถึงแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการมากมายเหมือนกัน เพราะคิดว่าตนเองยังมีความสุขไม่พอ เทวดาเลยถามว่า

 

“ข้าเห็นว่าชีวิตของท่านมีหลาย ๆ สิ่งอยู่รอบตัวมากมาย ท่านยังต้องการสิ่งใดอีกเล่า”

 

กวีหนุ่มบอกว่า “ข้าต้องการความสุขที่มากกว่าสิ่งที่ข้ามีอยู่”

 

เมื่อรับทราบถึงความปรารถนาของกวีหนุ่ม เทวดาก็นิ่งสักพัก ก่อนจะตอบกลับไปว่า

 

“อืม ข้าเข้าใจสิ่งที่เจ้าต้องการแล้ว เดี๋ยวข้าจะทำความฝันของเจ้าให้เป็นจริง”

 

ว่าแล้วเทวดาก็จัดการทำทุกสิ่งทุกอย่างที่กวีหนุ่มมีอยู่ตอนนี้ให้หายวับไปในทันที ไม่ว่าจะเป็นความเป็นหนุ่มรูปงาม สติปัญญาอันล้ำเลิศ ทรัพย์สินเงินทอง บ้านเรือน และสมบัติอื่น ๆ ที่เขามี พร้อมกับชีวิตภรรยากวีหนุ่ม

 

หลังจากที่สิ่งต่าง ๆ ที่เคยมีหายไป กวีหนุ่มกลายเป็นคนที่ประสบกับความทุกข์อย่างแสนสาหัส เฝ้าแต่เรียกร้องหาสิ่งที่ตัวเองมี แต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่เคยย้อนกลับมา เขากลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว มิหนำซ้ำนับวันมีแต่จะจมอยู่ในกองทุกข์มากยิ่งขึ้น

 

หนึ่งเดือนผ่านไป เทวดาได้กลับมาพบกับกวีหนุ่มอีกครั้ง สภาพของเขาไม่ต่างอะไรกับคนที่รอเพียงความตายมาพราก แม้แต่ศรัทธาที่จะมีชีวิตอยู่ก็ไม่เหลือ

 

เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเทวดาคิดว่า พอแล้วที่จะให้บทเรียนที่คุ้มค่าแก่กวีหนุ่ม จึงเนรมิตทุกอย่างที่เคยมีกลับคืนมาให้

 

กวีหนุ่มผู้เคยแสวงหาแต่ความสุขที่มากกว่าเดิม ครั้นได้รับสิ่งที่เคยมีกลับคืนมา เขาถึงกับคุกเข่ากราบเทวดา เหมือนกับว่าสิ่งที่หายไป สิ่งที่เขาเคยมี มันมีความหมายมากมายยิ่งใหญ่ ต่อการมีชีวิตอยู่ของเขาเหลือเกิน

 

กวีหนุ่มสัญญากับตัวเองว่า เขาจะรักและพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ จะใช้มันอย่างทะนุถนอม เพราะเขาเห็นคุณค่าของสิ่งเหล่านั้นแล้วว่ามีคุณค่ากับชีวิตของเขามากมายเพียงใด และเขาเองก็มีมากเกินกว่าจะเรียกร้องสิ่งใด ๆ อีกแล้ว

 

หนึ่งเดือนต่อมา เทวดาก็ได้ตรวจสอบชีวิตของกวีหนุ่ม เขาก็เห็นภาพว่า กวีหนุ่มยังคงอาศัยอยู่กับภรรยาที่บ้านอย่างมีความสุข แล้วก็กล่าวขอบคุณเทวดาอยู่เนือง ๆ ที่ได้สอนบทเรียนอันทรงคุณค่าให้กับเขา และทำให้เขาได้ค้นพบความสุขที่อยู่ใกล้ตัวใกล้ใจ

 

 

 

 

 

ผู้ดำเนินรายการ:  รัศมี มณีนิล

บรรณาธิการ:  นันทิญา จิตตโสภาวดี

กองบรรณาธิการ: นมิดา แพ่งสภา, ปัณณธร ใสแสง, รุจา สุขพัฒน์, นีรชา คัมภิรานนท์, สุสมา สุขพัฒน์

ศิลปกรรม:  ฐานิสร์  ริ้วสุวรรณ, เอกชัย เธียรสรรชัย
นักออกแบบเสียง:  ธัญธนวรัท  ชนกชัด

ฝ่ายผลิต: ชลธิศ กรดี

ที่ปรึกษา:  วันชัย  บุญประชา, ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

สนับสนุนโดย  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

 

 

 

OTHER