พลิกแฟ้มคดีปวดใจ EP.23 ช่วยด้วย ! เจอแม่สามีคุกคาม

29 ธันวาคม 2020 134 ครั้ง

พลิกแฟ้มคดีปวดใจ EP.23 ช่วยด้วย ! เจอแม่สามีคุกคาม

Q : ดิฉันแต่งงานไปแล้วแต่เจอทั้งแม่และญาติฝั่งสามีคุกคามจะทำอย่างไรดี

 

A : ทางกฎหมายบอกว่าสามีภรรยาต้องอุปการะเลี้ยงดูซึ่งกันและกัน แปลว่าจะต้องอยู่กินด้วยกัน จะสมรสกันแล้วต่างคนต่างอยู่คนละบ้านอยู่คนละจังหวัดอย่างนี้ไม่ได้  แต่ก็ไม่ถึงกับไม่ได้ถ้าเขาสมัครใจ หมายความว่า ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ยินยอมพร้อมใจด้วยว่า แต่งงานจดทะเบียนสมรสกันแล้ว ทำไมต้องแยกกันอยู่ ทำไมให้ไปอยู่ด้วยไม่ได้ อย่างในกรณีนี้ไปอยู่บ้านสามีแล้วถูกคนในบ้านรังเกียจ ถูกคุกคาม มันก็จะเกิดเป็นปัญหาขึ้น

 

ซึ่งทางกฎหมายก็มองเห็นถึงปัญหาพวกนี้ ในกรณีที่คู่สามีภรรยาอยู่ร่วมกันแล้วจะเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจ หรืออยู่ด้วยกันแล้วทำลายความผาสุขที่พึงมีขึ้นระหว่างคู่สมรสด้วยกัน ลักษณะนี้สามารถที่จะไปร้องขอต่อศาลเพื่อขอให้แยกกันอยู่ (ให้อยู่ต่างหากจากกัน ตามภาษากฎหมาย) หรือให้อยู่กันคนละบ้าน

 

อยู่คนละบ้าน คือ ปกติแล้วจะทำแบบนี้ไม่ได้ตามที่กล่าวมาข้างต้น เพราะคู่สามีภรรยาต้องอยู่กินด้วยกัน อุปการะเลี้ยงดูซึ่งกันละกัน จะไปอยู่คนละบ้านไม่ได้ ซึ่งกฎหมายก็จะเห็นใจในกรณีแบบนี้ก็จะอนุญาต

 

แล้วก็ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายหญิงฝ่ายเดียว ฝ่ายชายก็อาจจะด้วย เช่น ฝ่ายชายแต่งงานแล้วไปอยู่บ้านฝ่ายหญิง แล้วก็มีปัญหาจนอยู่ไม่ได้แบบนี้ขึ้นมา หรือจะด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่

และถึงแม้ทั้งสองคนจะอยู่บ้านเดียวกันตามลำพังสองคน โดยไม่ได้มีญาติมาอยู่ด้วย แต่ก็มีเหตุอะไรบางอย่างที่เข้าตามเกณฑ์อยู่แล้วจะเกิดอันตรายทางกายและจิตใจ หรือทำลายความผาสุขที่พึงมีตามชีวิตปกติ

 

เช่น ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเครียดจากการทำงาน-มีปัญหาจากการทำธุรกิจ จนเป็นโรคประสาท แล้วมีอาการอาละวาดจนอยู่ด้วยกันไม่ได้ ซึ่งเราสามารถไปขอต่อศาลได้ว่า จะขอแยกไปอยู่ต่างหาก แต่ความเป็นสามีภรรยาก็ยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่ได้ขาดกัน

 

ดังนั้นถ้าตกอยู่ในสภาวะแบบนี้ก็สามารถไปที่ศาลเยาวชนและครอบครัวในกรณีที่อยู่ในกทม.หรือในต่างจังหวัดก็มี ซึ่งทางศาลก็จะมีนิติกรทำเรื่องให้ ก็จะสามารถอยู่ต่างหากกัน อาจจะมีการกำหนดช่วงเวลาหรืออาจไม่กำหนดก็ได้ และเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งมีอาการกลับคืนเป็นปกติก็สามารถขอกลับอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมได้

 

ทีนี้ในระหว่างนั้นยังคงต้องอุปการะเลี้ยงดูกัน แม้ว่าฝ่ายชายจะมีอาการประสาท อาการเพี้ยนก็ตาม แต่มีความสามารถในการอุปการะเลี้ยงดู แต่อีกฝ่ายหนึ่งมีความยากไร้ ฝ่ายที่มีอาการประสาทก็ยังต้องจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดู

 

หรือกลับกันถ้าฝ่ายที่มีอาการประสาทไม่สามารถทำงานได้แล้วและขาดรายได้  ฝ่ายที่ขอแยกอยู่ต่างหากมีงานทำมีรายได้ก็จะต้องเลี้ยงดูเขา จนกว่าจะหายแล้วกลับไปอยู่ด้วยกัน

 

ส่วนถ้าเข้าข่ายอาการหนักมีอาการวิกลจริต ก็จะเป็นเหตุที่จะสามารถไปร้องขอต่อศาลให้มีคำพิพากษาให้หย่ากันได้ โดยจะต้องมีระยะเวลาสักพักหนึ่งเพื่อดูอาการให้ชัดเจนว่า เขาไม่สามารถหายกลับคืนเป็นปกติได้แล้ว

 

เมื่อถามว่าถ้าผู้มีอาการเป็นวิกลจริต ฝ่ายญาติดูแลแล้วแต่ไม่ได้พาเขาไปหาหมอ แล้วปรากฎว่าไปทำร้ายคนอื่น  ซึ่งในกรณีนี้บุคคลที่มีหน้าที่ในการดูแลผู้เยาว์ก็คือเด็ก มีหน้าที่ในการดูแลคนที่เขาไม่ปกติ จะต้องใช้ความระมัดระวังในการดูแลเขา ปล่อยปะละเลยไปทำร้ายผู้อื่นไม่ได้

 

ถ้าก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นเท่าไร ผู้ที่มีหน้าที่ในการดูแลเขาต้องชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายแม้ผู้กระทำจะเป็นผู้เยาว์ก็ตาม เพราะว่าตัวเขาก็คือคนที่ไม่สมประกอบกับคนที่เป็นเด็กไม่มีความสามารถที่จะไปบรรเทาค่าเสียหายให้กับผู้เสียหายได้

 

ส่วนกรณีที่อยู่ในสถานพยาบาลแล้วปล่อยให้เขาหลุดไป สถานพยาบาลก็จะต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เขาไปก่อขึ้น

 

 

 

ผู้ดำเนินรายการ:  อ.ชัยยง อัชฌานนท์ อดีตกรรมการสภาทนายความ และ คุณนฤมล พุกยม 

บรรณาธิการ:  นันทิญา จิตตโสภาวดี

กองบรรณาธิการ: นมิดา แพ่งสภา, ปัณณธร ใสแสง, รุจา สุขพัฒน์, นีรชา คัมภิรานนท์, สุสมา สุขพัฒน์

ถอดเทปเสียง: เจษฎา สดครั่ง

ศิลปกรรม:  ฐานิสร์  ริ้วสุวรรณ, เอกชัย เธียรสรรชัย
นักออกแบบเสียง:  ธัญธนวรัท  ชนกชัด

ฝ่ายผลิต: ชลธิศ กรดี

ที่ปรึกษา:  วันชัย  บุญประชา, ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

สนับสนุนโดย  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

 

 

 

OTHER