การใช้ชีวิตคู่ก็เหมือนลิ้นกับฟันย่อมต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง แม้ว่าทุกคนต่างก็คาดหวังว่าเมื่อเริ่มต้นความสัมพันธ์ก็อยากให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่จากผลการศึกษาของมหาวิทยาลัย Florida State กลับพบว่า คู่รักที่แสดงความโกรธออกมาอย่างเปิดเผยตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ที่เริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ จะมีความสุขในชีวิตแต่งงานในระยะยาวมากกว่า

James McNulty ซึ่งเป็นผู้ทำการวิจัยเรื่องนี้วิเคราะห์ว่า การที่คุยกันอย่างเปิดอกและจริงใจ แม้ว่าการแสดงอารมณ์โมโหอย่างเปิดเผยอาจจะทำให้รู้สึกไม่พอใจกันอยู่บ้าง แต่กลับมีประโยชน์ต่อความสัมพันธ์ในระยะยาวมากกว่า

และเมื่อไรก็ตามที่มีปัญหาไม่เข้าใจกัน สิ่งสำคัญที่จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ คือ การนั่งจับเข่าคุยกัน อย่ามัวแต่ทะเลาะกันผ่านข้อความหรือตัวหนังสือ เพราะอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดจนบานปลายใหญ่โต และทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงไปยิ่งกว่าเดิม 

ซึ่งจากการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Brigham Young University พบว่า เวลาที่คู่รักทะเลาะกันแล้วส่งข้อความหากันผ่านโทรศัพท์มือถือแทนที่จะคุยกันแบบเห็นหน้า สามารถส่งผลให้มีความสุขในความสัมพันธ์ลดน้อยลงได้

ขณะที่การส่งข้อความหากันมากเกินไปก็ใช่ว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ดีอย่างที่คิด เพราะสำหรับคุณผู้ชายแล้ว การส่งข้อความแชตไปหาบ่อย ๆ นอกจากจะทำให้พวกเขารู้สึกเบื่อที่จะต้องคอยกดอ่าน ก็ยังทำให้ความพึงพอใจในความสัมพันธ์ลดลงได้ด้วย 

อันที่จริงแล้ว การแสดงความรักผ่านตัวอักษรถ้ามีลิมิตที่พอดี ก็จะช่วยทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นได้ และถ้ารู้อยู่แล้วว่าข้อความที่จะส่งไปหากัน อาจจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจก็ควรจะเก็บไว้ในใจ เพื่อถนอมความสัมพันธ์ที่มีต่อกันไว้

และเมื่อคู่รักตัดสินใจที่จะแต่งงานกัน หลายคู่มักมีความฝันไม่ต่างกัน นั่นคือการมีลูกเพื่อเติมเต็มชีวิตครอบครัวให้สมบูรณ์ แต่ใช่ว่าการมีลูกจะเป็นคำตอบของทุกคู่ ซึ่งจากผลสำรวจเมื่อปี 2014 ที่สอบถามคู่รักที่อยู่ด้วยกันมายาวนาน จำนวน 5,000 คน ปรากฏว่า คู่รักที่ไม่มีลูก (ทั้งที่แต่งงานกันและไม่ได้แต่งงาน) กลับเป็นคู่ที่มีความสุขมากที่สุด

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคู่ที่มีลูกจะไม่มีความสุขในชีวิตคู่  เพียงแต่หลายคู่มักจะกดดันตัวเอง เพราะความอยากมีลูกทำให้เกิดความเครียดได้ และพอมีลูกสมใจอยากก็กลับทำให้ความสัมพันธ์ตึงเครียดมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ลำดับการเกิดก่อนหลังของเราก็มีผลต่อชีวิตคู่ด้วยเหมือนกัน จาก EP. ก่อน ๆ เคยบอกกันไปแล้วว่า ลูกคนกลางมีแนวโน้มที่จะครองรักได้ยาวนานกว่าพี่น้องคนอื่นในครอบครัว เพราะไม่ค่อยจะนอกใจคู่รัก และถ้าใครได้แต่งงานกับลูกคนกลางก็มีแนวโน้มว่าจะมีความสุขในชีวิตแต่งงานมากกว่าพี่น้องคนอื่นด้วย

แต่ก็มีงานวิจัยอีกหลายชิ้นที่สนับสนุนการแต่งงานระหว่างลูกคนโตกับลูกคนเล็ก เพราะถือว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวสำหรับชีวิตคู่ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งก็เป็นความสัมพันธ์ของคนที่ชอบเทคแคร์ดูแลคนอื่นอย่างพี่คนโต กับคนที่เคยชินกับการได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างน้องคนสุดท้องนั่นเอง

นอกจากนี้ การมีเพื่อนฝูงรอบข้างที่มีชีวิตแต่งงานที่ดี ไม่ได้เลิกรากัน ก็มีแนวโน้มที่ทำให้โอกาสเลิกราหรือหย่าร้างกันของคู่เราลดน้อยลงไปด้วย โดยงานวิจัยของมหาวิทยาลัย Brown เผยว่า คู่แต่งงานมีแนวโน้มจะหย่าร้างกันได้มากถึง  75 เปอร์เซ็นต์ ถ้าญาติสนิทมิตรสหายมีการแยกทางหรือหย่าร้างกัน  แต่ถ้าเป็นเพื่อนของเพื่อนที่แยกทางกัน แนวโน้มที่จะเกิดการหย่าร้างกับคู่ของเราจะลดน้อยลงเหลือเพียง 33 เปอร์เซ็นต์

ส่วนเรื่องงานบ้านก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน เพราะหมดยุคแล้วที่ผู้หญิงต้องทำงานบ้านอยู่ฝ่ายเดียว โดยที่ผ่านมาเคยมีผลสำรวจจากสำนักโพลชื่อดัง Pew Research Center ที่พบว่า การแบ่งงานบ้านกันทำ ติดโผอยู่ใน 3 อันดับแรกที่ทำให้ชีวิตแต่งงานประสบความสำเร็จ รองลงมาจากเรื่องความซื่อสัตย์ และเรื่องบนเตียง ซึ่งมีถึง 62 เปอร์เซ็นต์ที่บอกว่าการแชร์งานบ้านกันถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

ขณะที่ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัย UCLA ระบุว่า คู่รักที่แบ่งกันทำงานบ้านมักจะมีความสุขในชีวิตคู่มากกว่า ยิ่งถ้ากำหนดชัดเจนไปเลยว่าใครจะทำอะไร ก็มีแนวโน้มว่าจะมีความพึงพอใจในชีวิตคู่มากขึ้นด้วย

ส่วนเรื่องที่สามารถทำให้คู่รักทะเลาะกันจนเลิกรากันได้ หลัก ๆ มีด้วยกัน 2 อย่าง ก็คือเรื่องเซ็กซ์กับเรื่องเงิน ซึ่งถ้าไม่อยากจะหย่าร้างกันด้วย 2 เรื่องนี้ ก็ไม่ควรมองข้ามด้วยเช่นกัน

โดยมหาวิทยาลัย Michigan ได้ทำการศึกษาคนอเมริกัน 16,000 คน เกี่ยวกับเรื่อง เงิน เซ็กซ์ และความสุข  พบว่าทั้ง 3 อย่างล้วนมีความสัมพันธ์กัน ซึ่งคู่ที่แต่งงานกันมักจะมีเซ็กซ์มากกว่าคนที่อยู่ในสถานะโสด หย่าร้าง แยกกันอยู่ หรือเป็นพ่อม่าย แม่ม่าย

และยังพบด้วยว่ากิจกรรมทางเพศจะมีผลต่อความสุขของคู่แต่งงานที่มีการศึกษาสูงมากกว่าผู้ที่มีการศึกษาต่ำ ซึ่งหากไม่ละเลยเรื่องบนเตียง และมีกิจกรรมดังกล่าวให้สม่ำเสมอขึ้น จากเดือนละ 1 ครั้ง เป็นสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็จะทำให้มีความสุขกับชีวิตคู่ได้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ขณะที่เรื่องเงินทอง ถ้าทั้งสองคนมีไลฟ์สไตล์ในการใช้จ่ายเงินที่ใกล้เคียงกัน ก็มีแนวโน้มที่จะมีความสุขในชีวิตมากขึ้น เพราะว่าผลการศึกษาชิ้นนี้พบด้วยว่า ทั้งคนที่แต่งงานแล้ว และคนที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน มักจะมีแนวโน้มเลือกคู่รักที่มีการใช้จ่ายเงินต่างไปจากตัวเอง จึงทำให้เกิดความขัดแย้งกันได้เมื่อมาใช้ชีวิตด้วยกันจริง ๆ แต่ถ้าคู่ไหนมีการใช้จ่ายเงินในลักษณะเดียวกัน ก็จะเป็นคู่รักที่มีความสุขในชีวิตคู่ได้มากที่สุด

ผู้ดำเนินรายการ:  นรกมล ดิษยบุตร

บรรณาธิการ:  นันทิญา จิตตโสภาวดี

กองบรรณาธิการ: นมิดา แพ่งสภา, ปัณณธร ใสแสง, รุจา สุขพัฒน์, นีรชา คัมภิรานนท์, สุสมา สุขพัฒน์

ถอดเทปเสียง: นรกมล ดิษยบุตร

ศิลปกรรม:  ฐานิสร์  ริ้วสุวรรณ, เอกชัย เธียรสรรชัย
นักออกแบบเสียง:  ธัญธนวรัท  ชนกชัด

ฝ่ายผลิต: ชลธิศ กรดี

ที่ปรึกษา:  วันชัย  บุญประชา, ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

สนับสนุนโดย  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)